แคนนอนขยายไลน์อัปกล้องเพื่องานวิดีโอรับเทรนด์คอนเทนต์ดิจิทัล
แคนนอน ผู้นำด้านเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพระดับโลก ประกาศขยายไลน์อัปกล้อง V ซีรีส์เพื่องานวิดีโอด้วยการเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ EOS R50 V และ PowerShot V1 พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของครีเอเตอร์รุ่นใหม่ในยุคที่วิดีโอคอนเทนต์กำลังมาแรง
ในงานเปิดตัวนำโดย นายฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายในการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ต้องการกล้องบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง ที่มีความกะทัดรัด ทนทาน และเอื้อต่อการทำงานคนเดียวได้อย่างคล่องตัว พร้อมด้วยการสาธิตการใช้งานจาก 2 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง กอล์ฟ – กันตพัฒน์ พฤฒิธรรมกูล และ พลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร

กล้อง V ซีรีส์ดีไซน์ใหม่ที่เน้นความกะทัดรัดสำหรับงานวิดีโอ
EOS R50 V เป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ มาพร้อมเซนเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ซึ่งเทียบเคียงเซนเซอร์ Super 35 มม. ที่ใช้ในกล้องถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่มีความมุ่งมั่นและต้องการคุณภาพการทำงานที่ดีกว่า
ในขณะที่ PowerShot V1 เป็นกล้องคอมแพกต์แบบออลอินวัน รุ่นแรกในตระกูล PowerShot V Series ที่เน้นการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ มาพร้อมเซนเซอร์ความละเอียด 22.3 ล้านพิกเซล ขนาด 1.4 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าเซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วในกล้องคอมแพกต์ทั่วไปเกือบ 2 เท่า พร้อมเลนส์ซูมมุมกว้างพิเศษในตัวที่มีขอบเขตการมองเห็นเทียบเท่าเลนส์ระยะ 17-52 มม. สำหรับงานวิดีโอ
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการถือถ่ายที่สะดวกสบาย
กล้องทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบให้มีตัวเครื่องน้ำหนักเบา โดยตัดช่องมองภาพออกเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่สวยเพรียวบาง รองรับการจับถือและต่อพ่วงกับกิมบอลได้อย่างง่ายดาย ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องถือกล้องถ่ายเป็นเวลานาน
EOS R50 V มาพร้อมแผงปุ่มควบคุมเพื่อการถ่ายวิดีโอที่ประกอบด้วยแป้นควบคุมโหมดการถ่ายภาพยนตร์ ปุ่มเฉพาะสำหรับการเข้าถึงการไลฟ์สตรีมและโหมดสี ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว รวมถึงคันโยกเพื่อควบคุมการซูมเลนส์ที่ถูกติดตั้งเพื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ ซึ่งเป็นเลนส์ตัวแรกของแคนนอนที่มีระบบเพาเวอร์ซูมในตัว
สำหรับ PowerShot V1 มีดีไซน์ใหม่ที่พกพาสะดวก มาพร้อมกับเลนส์ซูมมุมกว้างพิเศษ และค่ารูรับแสงกว้างถึง f/2.8-4.5 เหมาะสำหรับผลิตวิดีโอคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมพัดลมระบายความร้อนในตัวซึ่งพบได้เฉพาะในกล้องถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ ทำให้สามารถถ่ายทอดสดและบันทึกวิดีโอได้นานขึ้น
ฟีเจอร์นวัตกรรมเพื่องานวิดีโอคุณภาพสูง
กล้องทั้งสองรุ่นมาพร้อมฟีเจอร์นวัตกรรมมากมายที่จะทำให้การสร้างวิดีโอที่สวยงามเป็นเรื่องง่าย เช่น โหมดผิวหน้าเรียบเนียนและฟิลเตอร์สี 14 สี ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนมู้ดของงานวิดีโอได้อย่างง่ายดายจากกล้องโดยตรง
นอกจากนี้ ยังมีระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF II ที่ทรงพลัง โหมด Movie for Close-up Demos ที่เหมาะกับการรีวิวสินค้าระยะใกล้ และระบบกันสั่นแบบ Movie Digital IS ที่ช่วยยกระดับการโฟกัสและป้องกันภาพสั่นไหว
กล้องทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมโหมดบันทึกภาพเพื่อตอบโจทย์งานตัดต่อระดับสูง เช่น Canon Log 3 10-bit ซึ่งบันทึกช่วงไดนามิกแสงได้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการเกรดสีวิดีโอ พร้อมวิดีโอความละเอียดสูง 4K 30p แบบไม่ครอปและวิดีโอ 4K 60p แบบครอป รวมถึงภาพสโลว์โมชันที่ความละเอียด Full HD 120p

EOS R50 V สุดยอดฟีเจอร์ทรงพลังระดับมืออาชีพ
EOS R50 V เป็นกล้องรุ่นแรกในเซกเมนต์ที่มีฟีเจอร์ Cinema EOS ที่มีเฉพาะใน EOS R Series รุ่นสูง โดยรองรับ Custom Pictures และการปรับแต่งค่าสี (LUT) โหมดการบันทึกวิดีโอ HDR มาตรฐานอุตสาหกรรม (HDR PQ และ HLG) และตัวช่วยการแสดงผลในงานวิดีโอระดับมืออาชีพ เช่น การวัดแสงวิดีโอแบบ False Colours
นอกจากนี้ ยังมีโหมดภาพยนตร์ Slow & Fast Motion แบบใหม่ ที่สามารถสร้างสรรค์ภาพยนตร์สโลว์โมชันบนความละเอียด Full HD และ 4K โดยหน่วงเวลาได้สูงสุดถึง 1/5 เท่าและ 1/2.5 เท่าตามลำดับ รวมถึงการสร้างวิดีโอ Time Lapse ที่ความละเอียด 4K ที่สามารถเร่งความเร็วคลิปได้สูงสุดถึง 60 เท่า
ในด้านคุณภาพเสียง EOS R50 V มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนด้วยการติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัวในตัวกล้อง เพื่อตรวจจับและลดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการ ทั้งยังรองรับสายออดิโอแบบ LPCM 24-bit 4-channel สำหรับการทำงานที่ต้องต่อสายออดิโอหลายจุด
อีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษคือโหมดจดจำใบหน้าเฉพาะบุคคล (Register People Priority) ซึ่งโดยทั่วไปจะมีเฉพาะในกล้องรุ่นระดับสูง โดยโหมดนี้จะเน้นจับภาพบุคคลที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าเพื่อการตรวจจับและติดตามได้อย่างเหนียวแน่น เหมาะสำหรับใช้ถ่ายในฉากที่มีผู้คนพลุกพล่าน
PowerShot V1 กล้องดิจิทัลขนาดพกพาสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง
PowerShot V1 ผสานคอนเซ็ปต์การถ่ายวิดีโอของ PowerShot V10 เข้ากับความสามารถอเนกประสงค์ของ PowerShot G7 X Mark III ซึ่งได้รับการปรับปรุงด้วยฟีเจอร์หลักใหม่ๆ เพื่อถ่ายภาพคุณภาพสูงและเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF II ที่ทรงพลัง และฟิลเตอร์ ND 3 สต็อปในตัว ซึ่งมีประโยชน์มากในการบันทึกวิดีโอในสภาพแสงจ้าให้ดูเป็นธรรมชาติ
สำหรับการถ่ายวิดีโอ PowerShot V1 มีช่วง ISO สูงสุดถึง 12,800 ซึ่งกว้างกว่า PowerShot G7 X Mark III ถึง 2 สต็อป อีกทั้งยังมีฟังก์ชันใหม่เฉพาะด้านอย่าง Subject Tracking IS ช่วยรักษาตำแหน่งของวัตถุให้อยู่ในเฟรมตลอดเวลา เหมือนมีผู้ช่วยในการแพลนกล้องตามในขณะถ่ายทำ
การเชื่อมต่อที่ครบครันสำหรับการไลฟ์สตรีม
นอกจากการเชื่อมต่อกับแอปฯสมาร์ตโฟน Camera Connect ผ่าน Bluetooth หรือ USB-C กล้องทั้งสองรุ่นยังสามารถใช้เป็นเว็บแคมสำหรับการไลฟ์สตรีมด้วยการเชื่อมต่อสาย USB-C เข้ากับคอมพิวเตอร์พีซีได้โดยตรง
โดยเฉพาะ EOS R50 V ที่รองรับไลฟ์สตรีมแบบ UVC และ UAC 4K 60p ด้วยการต่อสาย USB-C เส้นเดียวไปยังคอมพิวเตอร์พีซี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังรองรับแอป Live Switcher Mobile Multi-Camera ช่วยให้ผู้ใช้สามารถผสานภาพการไลฟ์สตรีมจากกล้องเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ เพื่อถ่ายทอดสดในหลายมุมมองพร้อมกัน

ราคาและวันวางจำหน่าย
กล้อง V ซีรีส์ทั้งสองรุ่นพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป โดยมีราคาดังนี้
- Canon EOS R50 V พร้อมเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ (สีดำ) ราคา 30,990 บาท
- Canon EOS R50 V พร้อมเลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ (สีขาว) ราคา 33,990 บาท (PRE-ORDER)
- PowerShot V1 ราคา 31,990 บาท
- เลนส์ RF 20mm f/1.4L VCM ราคา 67,390 บาท
- เลนส์ RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ ราคา 13,290 บาท
ผู้สนใจสามารถทดลองประสิทธิภาพของกล้องทั้งสองรุ่นอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 2-6 เมษายนนี้ ที่ Metro Art (MRT พหลโยธิน) หรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-344-9988 หรือ LINE @canonthailand
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok