Apple เร่งแก้ปัญหาด้วยการเช่าเหมาลำเครื่องบินขนส่งเพื่อส่ง iPhone จำนวนมหาศาลจากอินเดียไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อเร่งสร้างสต็อกสินค้าในตลาดใหญ่ล่วงหน้าก่อนที่มาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้
จากรายงานของ Reuters ระบุว่า Apple ได้ขนส่ง iPhone จำนวนประมาณ 1.5 ล้านเครื่อง น้ำหนักรวมกว่า 600 ตัน จากประเทศอินเดียเข้าสู่สหรัฐอเมริกา โดยเช่าเหมาลำเครื่องบินขนส่งสินค้าถึง 6 ลำตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีสินค้าเพียงพอสำหรับหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
กลยุทธ์การหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าและการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง
การเร่งขนส่งครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 26% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวได้ถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญให้ Apple สามารถเร่งนำเข้าสินค้าภายใต้อัตราภาษีที่ลดลงเหลือเพียง 10% แทน
ในทางกลับกัน สินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิต iPhone หลักของ Apple จะต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงถึงอย่างน้อย 145% ตามนโยบายของทรัมป์ ส่งผลให้การผลิตในอินเดียกลายเป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่ามากกว่า
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือความพยายามของ Apple ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขนส่ง โดยได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สนามบินของอินเดียเพื่อลดระยะเวลาในการตรวจสอบศุลกากรจาก 30 ชั่วโมง เหลือเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น การปรับปรุงนี้ช่วยเร่งการขนส่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงที่สินค้าจะไม่ทันช่วงเวลาก่อนมาตรการภาษีจะมีผลบังคับใช้
เพิ่มกำลังการผลิตในอินเดียและการกระจายความเสี่ยง
เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โรงงานผลิตของ Foxconn ในเมืองเชนไน รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพันธมิตรการผลิตรายสำคัญของ Apple ได้เปิดดำเนินการแม้ในวันอาทิตย์ ซึ่งโดยปกติเป็นวันหยุดของพนักงาน สะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการเพิ่มกำลังการผลิต
แหล่งข่าวจาก Reuters รายงานว่า Apple กำลังเร่งส่งมอบ iPhone เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มการผลิตในอินเดียขึ้น 20% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวในการกระจายฐานการผลิตออกจากจีน
ปัจจุบัน Apple ขาย iPhone มากกว่า 220 ล้านเครื่องต่อปี โดยมีตลาดใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ขณะที่ข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่า อินเดียมีส่วนแบ่งในการผลิต iPhone สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาถึง 20% ในปี 2024 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในความพยายามของ Apple ที่จะกระจายการผลิตออกนอกประเทศจีน
ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน
สงครามการค้าและการเพิ่มภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสมาร์ตโฟนในตลาด นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่าราคา iPhone และสมาร์ตโฟนอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตแต่ละราย
การปรับเปลี่ยนฐานการผลิตของ Apple จากจีนมาสู่อินเดียมากขึ้นยังอาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่มีการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนด้วย
อนาคตของการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเอเชีย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Apple ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มระยะยาวในการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ของผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของโควิด-19 ที่เผยให้เห็นความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานที่กระจุกตัวในประเทศเดียว
อินเดียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ โดยได้รับประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล แรงงานที่มีทักษะ และต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า การขยายการลงทุนของ Apple ในอินเดียจึงไม่เพียงเป็นการตอบสนองต่อมาตรการภาษีในปัจจุบัน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานของบริษัท
กรณีของ Apple อาจเป็นตัวอย่างให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในการปรับตัวต่อความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อรูปแบบการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกในอนาคต
ข้อมูลจาก : Mobile World Live
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok