พบกับ รีวิว realme 14 5G Series สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ล่าสุดจาก realme ที่พร้อมเสิร์ฟความแรงแบบไม่มีกั๊ก ตอบโจทย์สายเกมเมอร์และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการสเปคแรงในราคาที่จับต้องได้
ในซีรีส์นี้มาพร้อมกับสองรุ่นด้วยกันคือ realme 14 5G มาด้วยแนวคิด “Performance Dominator” ที่โดดเด่นด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 4 ล้ำสมัย และ realme 14 Pro 5G ที่ไม่เพียงแค่ทรงพลังแต่ยังสร้างความประทับใจด้วยนวัตกรรมการเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิรุ่นแรกของโลก พร้อมกล้อง Sony เซ็นเซอร์ใหญ่และระบบแฟลชสามดวงที่ปฏิวัติการถ่ายภาพกลางคืนให้คมชัดเหนือระดับ

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจมากในครั้งนี้ ด้วยการชูประสิทธิภาพการเล่นเกมระดับท็อป ควบคู่กับดีไซน์สวยล้ำที่ไม่เหมือนใคร และความทนทานระดับ IP69 ที่แข็งแกร่งเหนือคู่แข่ง
ในการ รีวิว ครั้งนี้ TechOffside เราได้ทดสอบการใช้งานจริงของทั้ง realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G มาแล้ว เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดว่าสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้จะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างไรบ้าง มาเริ่มกันที่รุ่นแรกกันเลย

แกะกล่อง Unbox

สำหรับ realme 14 5G Series ทั้งสองรุ่นตัวแพ็กเกจมาในสีเหลืองสดสะดุดตา พร้อมชื่อรุ่นอยู่ที่หน้ากล่องชัดเจน โดยภายในจะมีอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นในการใช้งาน พร้อมให้ใช้ได้ตั้งแต่แกะกล่อง ทั้งคู่มือการใช้งานและเข็มจิ้มถาดซิมและเคสกันรอย

สำหรับ realme 14 5G เคสที่ให้มาจะเป็นแบบลายทางยาว ที่สวมแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนกับกระเป๋าเดินทางซึ่งดูสวยงาม สำหรับตัวเครื่องที่เป็นสีเข้มจะได้เคสแบบสีทึบ ส่วนเครื่องสีสว่างจะได้เป็นเคสแบบใส

ส่วนทางด้านของ realme 14 Pro 5G เคสที่ให้มาจะเป็นสีแบบทึบ ออกแบบเรียบง่าย บางเบาสวมแล้วไม่รู้สึกเกะกะหรือทำให้เครื่องดูเทอะทะขึ้น และมีการใส่รายละเอียดสเปคกล้องไว้ที่ขอบรอบชุดกล้องมาด้วย
ทั้งสองรุ่นจะให้ชุดอุปกรณ์ชาร์จมาเป็นสาย USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จ 45W SUPERVOOC ให้คุณใช้งานในการชาร์จความเร็วสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย
เอาล่ะ! แกะกล่องเรียบร้อยแล้ว เราจะมีรีวิวกันทีละรุ่น เริ่มที่รุ่นน้องกันก่อนเลยแล้วกัน

realme 14 5G – “Performance Dominator”
เมื่อ realme ตั้งฉายาให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ว่า “Performance Dominator” พวกเขาไม่ได้พูดเล่น! realme 14 5G ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแชมป์ด้านประสิทธิภาพในระดับราคานี้ ด้วยจุดแข็งที่โดดเด่นทั้งชิปเซ็ตเรือธง แบตเตอรี่ทรงพลัง ระบบระบายความร้อนขั้นเทพ และการเล่นเกมที่ราบรื่นไร้สะดุด มาดูกันว่าทำไมเครื่องนี้ถึงได้รับการยกย่องให้เป็นราชาด้านประสิทธิภาพในกลุ่มระดับกลาง
ภาพรวมและการออกแบบ
realme 14 5G จะมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mecha Silver, Warrior Pink และ Storm Titanium แต่ละสีมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับสีแรกที่เป็นไฮไลท์คือ Mecha Silver ที่มีความพรีเมียมของดีไซน์แบบ Mecha ที่ได้แรงบันดาลใจจากหุ่นยนต์ในหนังไซไฟ ซึ่งเป็นตัวแทนของความสวยงามของเครื่องจักรในอนาคตและประสิทธิภาพที่ทรงพลัง เส้นสายเรขาคณิตที่แข็งแกร่งบนฝาหลังของสมาร์ทโฟนได้รับการออกแบบอย่างประณีต กับจุดเด่นที่ “Victory Halo” ที่ทำให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นแบบสายเกมมิ่งชัดเจน
สำหรับสี Warrior Pink จะมาเป็นโทนสีชมพูที่มีความสดใสที่แสดงถึงพลังและความมั่นใจ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสีสันสดใสและต้องการสมาร์ทโฟนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการไล่ระดับสีที่สะท้อนกับแสงจะเกิดเอฟเฟกต์ที่สวยงาม
สำหรับเครื่อง realme 14 5G ที่ทาง TechOffside เราได้มาทดสอบ รีวิว ครั้งนี้จะเป็นสี Storm Titanium ที่จะออกมาในสีไทเทเนียมน้ำตาลค่อนข้างเช็ม มีลวดลายที่ให้ความรู้สึกเป็นโลหะที่ดูแข็งแกรง และผิวสัมผัสที่เป็นแบบด้านทำให้เมื่อถือจับจะไม่เกิดรายนิ้วมือติดที่ฝาหลัง

ในด้านวัสดุและความทนทาน realme 14 5G เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับ IP69 ซึ่งเป็นมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่นสูงสุด ไม่เพียงแค่สามารถทนน้ำแรงดันสูงจากทุกทิศทางได้ แต่ยังทนต่อการจมน้ำที่ความลึก 2.5 เมตร นานถึง 30 นาที
และที่พิเศษกว่านั้นคือทนต่อน้ำร้อนแรงดันสูงได้ด้วย ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพอากาศแบบไหน หรือเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เครื่องนี้ก็พร้อมรับมือได้อย่างสบาย

แน่นอนว่าเราลองทดสอบความทนทานของน้องทั้งการจุ่มน้ำในสระ หรือจะเป็นการแช่ในน้ำแข็งที่มีความเย็นเจี๊ยบ เครื่องก็ยังสามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นจุดเด่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกวันที่ให้คุณมั่นใจได้มากขึ้น

ส่วนในด้านการสัมผัสและการจับถือนั้น ด้วยน้ำหนักที่พอเหมาะและการออกแบบที่ลงตัว ตัวเครื่องเป็นขอบแบบเรียบทำให้การจับถือ realme 14 5G ให้ความรู้สึกมั่นคงในมือ ที่สำคัญถึงแม้จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ แต่ตัวเครื่องไม่ได้หนาหรือหนักจนเกินไป การวางตำแหน่งปุ่มเปิดปิดและให้สัมผัสที่ดีเยี่ยมเมื่อกดใช้งาน รวมถึงปุ่มปรับระดับเสียงที่วางตำแหน่งได้ลงตัวและใช้งานได้สะดวก ทำให้ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
หัวใจสำคัญของ realme 14 5G อยู่ที่ชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 4 ซึ่งทำให้เครื่องนี้ได้รับตำแหน่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในวงการสมาร์ทโฟนระดับกลาง เนื่องจาก Snapdragon 6 Gen 4 เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในกลุ่มนี้ ผลิตด้วยกระบวนการขั้นสูง 4nm ที่ประหยัดพลังงาน ให้ประสิทธิภาพ CPU ที่เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับสมาร์ทโฟนระดับกลางให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารุ่นเรือธงในราคาที่จับต้องได้

สำหรับการทดสอบผ่าน Antutu นั้น ทำได้ที่ 769850 คะแนน ถือว่าเป็นในระดับที่น่าสนใจสำหรับสมาร์ทโฟนกลุ่มระดับนี้ ที่
ในด้านกราฟิกและการเล่นเกม สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากคือ realme 14 5G เป็นรุ่นแรกในกลุ่มที่รองรับการเล่นฮิต Free Fire, Honor of Kings (HOK) และ Mobile Legends: Bang Bang (MLBB) ที่เฟรมเรตสูงๆ ได้อย่างลื่นไหล ระหว่างทดสอบการเล่นเกม Free Fire ผมสังเกตเห็นว่าอัตราเฟรมเฉลี่ยอยู่ที่ 90FPS อย่างสม่ำเสมอ เทียบกับเครื่องคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันที่ทำได้เพียง 60FPS เท่านั้น ความแตกต่างนี้เห็นได้ชัดเจนในช่วงการต่อสู้ที่มีเอฟเฟกต์เยอะๆ ที่ realme 14 5G ยังคงรักษาความลื่นไหลได้ดีกว่ามาก

หรือจะเป็นฮิตอย่าง RoV, PUBG Mobile และ Call of Duty Mobile การเล่นที่เฟรมเรต 60fps นั้นก็มีความเสถียร เฟรมเรตไม่ร่วงหรือแกว่งแม้ว่าจะเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือในช่วงการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก รวมถึงในส่วนของความร้อนก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ร้อนเกินไปอีกด้วย
ในส่วนของ RAM และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล realme 14 5G มีความจุให้เลือกถึง 12+256GB และ 12+512GB แต่ที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี RAM Expansion ที่ทำให้สามารถขยาย RAM ได้สูงสุดถึง 26GB ช่วยให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันเป็นไปอย่างราบรื่น แม้แต่การสลับระหว่างเกมและแอปอื่นๆ ก็ไม่มีอาการกระตุก การทำงานหนักๆ หลายแอปพร้อมกันก็ไม่มีปัญหา
นอกจากชิปเซ็ตที่ทรงพลังแล้ว realme ยังเสริมด้วยเทคโนโลยี GT Boost ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้เหนือชั้น โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ ดังนี้:
- AI Motion Control: ใช้เซ็นเซอร์ไจโรสโคปในตัวเครื่องเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวในเกม ทำให้สามารถหันซ้าย-ขวา หรือเคลื่อนไหวไป-กลับได้โดยการขยับเครื่อง คล้ายกับการเล่นเกมบน Nintendo Switch ซึ่งช่วยเพิ่มมิติการควบคุมเกมที่น่าดื่มด่ำมากขึ้น
- AI Ultra Touch Control: ระบบนี้ใช้อัลกอริธึมพิเศษในการปรับแต่งความไวของจอสัมผัสเฉพาะบริเวณควบคุมเกม ทำให้การตอบสนองไวขึ้นและลดความหน่วงของการป้อนข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
- GT Mode: โหมดพิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยปรับการทำงานของระบบให้เน้นการประมวลผลเกม เพิ่มอัตราการรีเฟรชให้สูงสุด และปรับการตอบสนองของการสัมผัสให้รวดเร็วทันใจ ผลลัพธ์คือประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้น
- Geek Power Tuning: เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งความถี่ของ CPU และ GPU ได้ตามต้องการ ช่วยให้สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะกับแต่ละเกมได้ตามใจชอบ สำหรับคนที่ชอบปรับแต่งแบบละเอียด ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถบาลานซ์ระหว่างประสิทธิภาพและการใช้แบตเตอรี่ได้อย่างลงตัว
แบตเตอรี่และการระบายความร้อน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ realme 14 5G เป็น “Performance Dominator” คือแบตเตอรี่ Titan ขนาดใหญ่ 6000mAh ที่ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่กราไฟต์ความหนาแน่นพลังงานสูง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ความหนาแน่นพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 8% ทำให้สามารถอัดความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เข้าไปในตัวเครื่องที่บางได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W ที่ช่วยให้ชาร์จเต็มได้อย่างรวดเร็ว
ที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือการรับประกันสุขภาพแบตเตอรี่ 4 ปีของ realme ที่รับประกันว่าแบตเตอรี่จะรักษาความจุได้มากกว่า 80% หลังจากใช้งาน 4 ปี หรือผ่านการชาร์จไปแล้ว 1,400 รอบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพของแบตเตอรี่ และช่วยให้ผู้ใช้วางใจได้ว่าเครื่องจะยังคงใช้งานได้ยาวนานหลายปีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว

และในการเล่นเกมนั้น ยังมีฟีเจอร์ Bypass Charge ที่คุณสามารถเลือกให้การเสียบสายชาร์จและเล่นเกม กระแสไฟจะไม่ชาร์จเข้าในแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่ไม่เกิดความร้อนสูงจนเป็นผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้อีกด้วย
แต่แบตเตอรี่ที่ใหญ่และทรงพลังเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเล่นเกมที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ซึ่ง realme ก็ไม่ได้มองข้ามปัญหานี้ด้วยการติดตั้งระบบ Bionic Cooling System ที่ล้ำสมัย ระบบนี้มาพร้อมกับพื้นที่ระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber (VC) ขนาด 6050mm² ซึ่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน
การผสมผสานระหว่างแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ การชาร์จเร็ว และระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง ทำให้ realme 14 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับการใช้งานหนัก โดยเฉพาะการเล่นเกมต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางคันหรือเครื่องร้อนจนเล่นไม่ได้
กล้องและความสามารถด้านภาพถ่าย

แม้ว่า realme 14 5G จะเน้นเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมเป็นหลัก แต่ระบบกล้องก็ไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใด เครื่องนี้มาพร้อมกล้องหลัก 50MP ที่มาพร้อมเทคโนโลยี OIS (Optical Image Stabilization) ซึ่งช่วยลดอาการภาพสั่นไหว ทำให้ถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในสภาวะที่มือไม่นิ่งหรือเคลื่อนไหว

ตัวกลัองเลือกปรับใช้ได้ใน 3 ระยะเลนส์ คือ 27mm, 54mm และ 135mm ทำให้ใช้เก็บมุมมองภาพได้หลากหลาย เหมาะสำหรับสายสตรีทที่ต้องการเก็บภาพเพื่อเล่าเรื่องราวได้แตกต่างในแต่ละมุมมอง
จุดเด่นสำคัญของกล้องนี้คือความเร็วชัตเตอร์ที่สูงถึงเกือบ 1/10,000 วินาที ด้วยเทคโนโลยี AI Shutter ที่ช่วยปรับปรุงการตอบสนองของชัตเตอร์ ทำให้สามารถจับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพกีฬา ภาพท้องถนน หรือสัตว์เลี้ยงที่กำลังวิ่งเล่น ให้การเก็บภาพแบบสแน็ปช็อตทำได้ง่าย
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต ถือว่าทำได้น่าประทับใจ ด้วยความสามารถในการเก็บรายละเอียดและสกินโทนที่ดี เก็บภาพบุคคลแยกกับฉากหลักที่ปรับเบลอโบเก้ขับให้แบบมีความโดดเด่น และยังมีลูกเล่นฟิลเตอร์ให้สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้หลายอารมณ์






🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายพอร์ตเทรตของ realme 14 5G
ในด้านการถ่ายภาพสภาพแสงน้อย realme 14 5G ใช้อัลกอริธึม LightFusion ซึ่งเป็นอัลกอริธึมการสร้างแสงและเงาที่ล้ำสมัย พร้อมการลดสัญญาณรบกวนด้วย AI ในโดเมน RAW ทำให้ภาพถ่ายในสภาพแสงน้อยออกมาคมชัด มีรายละเอียดสูง และโทนสีที่สมจริง จากการทดสอบเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน พบว่า realme 14 5G ให้ภาพกลางคืนที่สะอาดและมีรายละเอียดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี AI ที่ช่วยยกระดับการถ่ายภาพอีกหลายฟีเจอร์ เช่น AI Eraser ที่สามารถลบคนเดินหรือวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพได้อย่างชาญฉลาด และ AI Clear Face ที่ช่วยเพิ่มความชัดเจนให้กับใบหน้าในภาพถ่ายพอร์ตเทรต รวมถึงโหมด AI ต่างๆ ที่ช่วยปรับแต่งภาพให้เหมาะกับสถานการณ์การถ่ายภาพหลากหลายรูปแบบ ทั้งการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ อาหาร หรือภาพถ่ายบุคคล


🔺 ภาพก่อนและหลังใช้ AI Eraser ลบคนที่อยู่ในฉากให้เหลือแค่นางแบบคนเดียว

สำหรับกล้องหน้า realme 14 5G มาพร้อมกล้องเซลฟี่ Sony 16MP ความละเอียดสูง รองรับ EIS (Electronic Image Stabilization) สองแกน ช่วยให้การถ่าย Vlog หรือวิดีโอเซลฟี่ออกมาราบรื่นไม่สั่นไหว และยังมีโหมดปรับแต่งผิวอัจฉริยะที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเกินจริงจนเหมือนหน้าเป๊ะ
ในด้านความสามารถการถ่ายวิดีโอ realme 14 5G รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงถึง 4K ที่ 30fps และ 1080p ที่ 60fps ทำให้สามารถเก็บช่วงเวลาสำคัญได้อย่างคมชัดและราบรื่น รวมถึงมีฟีเจอร์ Live Photo ที่ช่วยบันทึกช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวา โดยเก็บภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ก่อนและหลังกดชัตเตอร์ ทำให้ภาพนิ่งกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
โดยรวมแล้ว ระบบกล้องของ realme 14 5G ถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีเกินราคา โดยเฉพาะกล้องหลักที่ให้ภาพคมชัด และความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืนที่โดดเด่น เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่ราคาสูงกว่า
จอแสดงผลและฟีเจอร์อื่นๆ

นอกเหนือจากประสิทธิภาพการเล่นเกมและกล้องที่ยอดเยี่ยมแล้ว realme 14 5G ยังมาพร้อมจอแสดงผล 120Hz AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400) ที่ออกแบบมาสำหรับอีสปอร์ตโดยเฉพาะ จอนี้ให้อัตราการรีเฟรชที่สูงถึง 120Hz ช่วยให้การเล่นเกมและการเลื่อนหน้าจอเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุก
จอแสดงผลนี้ยังมีคุณสมบัติที่น่าประทับใจอีกหลายอย่าง เช่น อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.65% ให้พื้นที่การมองเห็นที่กว้างขวาง และรองรับช่วงสี 111% DCI-P3 ทำให้ภาพที่แสดงมีสีสันสดใสและสมจริง มีค่าความสว่างสูงสุดถึง 2000 nit ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงแดดกลางแจ้ง และที่สำคัญคือมีเทคโนโลยี 480Hz PWM+DC Dimming ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาระหว่างการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะการเล่นเกมหลายชั่วโมง
ด้านซอฟต์แวร์ realme 14 5G มาพร้อมกับ realme UI 6.0 ที่ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่ตรงไปตรงมาและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Next AI ที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ:

- ฟีเจอร์ Circle to Search หรือวาดบนข้อความหรือภาพบนหน้าจอเพื่อค้นหาข้อมูลเหล่านั้นบน Google ได้ทันที

- Gemini Assistant : ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ ที่ช่วยงานทั้งการตอบคำถาม ค้นหาข้อมูล สรุปข้อมูลได้อย่างชาญฉลาด ที่ใช้ได้ทั้งการพิมพ์สทนา หรือพูดคุยแบบเป็นธรรมชาติก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย
- การสรุปการโทรด้วยเสียง การบันทึกการประชุม และวิดีโอออนไลน์ให้เป็นข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ
- AI ที่สามารถเรียนรู้และจดจำเจตนาของผู้ใช้ เพื่อแนะนำแอปที่เกี่ยวข้องอย่างชาญฉลาด ลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก
นอกจากนี้ realme 14 5G ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ลำโพง Stereo คู่ที่ให้เสียงคุณภาพดี ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมและการรับชมวิดีโอสมจริงยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้ว realme 14 5G ไม่ได้โดดเด่นเพียงด้านประสิทธิภาพการเล่นเกมเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมจอแสดงผลคุณภาพสูง การเชื่อมต่อที่เสถียร และระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยพร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยให้การใช้งานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานทุกด้านได้อย่างลงตัว

realme 14 Pro 5G – “So Clear, So Powerful”
หลังจากที่เราได้พูดถึง realme 14 5G ไปแล้ว ก็ถึงคิวของรุ่นพี่อย่าง realme 14 Pro 5G ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “So Clear, So Powerful” ซึ่งหมายถึงทั้งความคมชัดของการถ่ายภาพและความทรงพลังของประสิทธิภาพ ถึงแม้จะอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ realme 14 Pro 5G มีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างออกไป มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
ดีไซน์สวยโดดเด่นไม่เหมือนใคร
จุดที่ทำให้ realme 14 Pro 5G มีความแปลกโดดเด่นไม่เหมือนใครคือ การเป็นสมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิรุ่นแรกของโลก โดยในสี Pearl White จะใช้เทคโนโลยี Thermochromic Fusion ที่พัฒนาโดย realme ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างแมงกะพรุนและปลาหมึก

โดยเมื่อเครื่องอยู่ที่เมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 16°C ฝาหลังของสมาร์ทโฟนจะเปลี่ยนจากสีขาวมุกเป็นสีน้ำเงิน และยิ่งอุณหภูมิต่ำลง การเปลี่ยนแปลงสีก็จะเร็วขึ้น เมื่อทดลองลองจุ่ม realme 14 Pro 5G ลงในถังน้ำแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า 11°C การเปลี่ยนสีจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาประมาณ 5 วินาที นับเป็นเอฟเฟกต์ที่ดูล้ำสมัยและสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ realme 14 Pro 5G ยังมีตัวเลือกอีกหนึ่งวัสดุที่น่าสนใจคือ Suede Grey ที่ใช้หนังกลับวีแกนคุณภาพพรีเมียม นับเป็นหนังกลับจากวัสดุชีวภาพชนิดแรกของ realme ที่ให้สัมผัสที่นุ่มและเป็นมิตรกับผิวหนัง ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการสึกหรอ ต้านการสกปรก และป้องกันการลื่น ทำให้สามารถรักษาความสะอาดและจับถือได้อย่างมั่นคง
ที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือความบางของตัวเครื่องที่เพียง 7.55 มม. สำหรับสี Pearl White และ 7.79 มม. สำหรับสี Suede Grey ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 6000mAh เมื่อเทียบกับ realme 13 Pro ที่หนา 8.41 มม. หรือคู่แข่งในท้องตลาดที่หนา 8.24 มม. ทำให้ realme 14 Pro 5G ดูบางเพรียว น้ำหนักเบา และพรีเมียมมากขึ้น แม้จะอัดแน่นไปด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ก็ตาม
กล้องที่ก้าวไปอีกขั้นกับการถ่ายภาพ

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างของ realme 14 Pro 5G คือระบบกล้องที่ล้ำสมัย โดยมาพร้อมกับกล้อง Sony IMX882 OIS ระดับ DSLR ที่มีความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.95 นิ้ว และรูรับแสง f/1.8 ที่มอบภาพที่คมชัดในทุกระดับความสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายภาพกลางคืน

นวัตกรรมที่โดดเด่นคือ MagicGlow Triple Flash ซึ่งเป็นระบบแฟลชสามดวงแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ที่ช่วยให้ได้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตกลางคืนที่สวยงามด้วยแสงที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ แฟลชสามดวงนี้สามารถปรับอุณหภูมิสีได้ทั้งแบบอัตโนมัติและแบบ manual เพื่อให้โทนสีผิวออกมาธรรมชาติ พร้อมปรับระดับความสว่างได้ถึงห้าระดับ ทำให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตในที่มืดมีความยืดหยุ่นและให้ผลลัพธ์ของสีสกินโทนที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด


🔺 เทียบภาพถ่ายที่ปิดและเปิด MagicGlow Triple Flash จะเห็นว่าเมื่อเปิดแล้วใบหน้าจะมีความสว่างและมีเงาบนใบหน้าน้อยลง ทำให้ใบหน้ามีความคมชัดสวยมากขึ้น
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ AI Ultra Clarity 2.0 ที่สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพซูม 20x-60x หรือแม้แต่ภาพอินเทอร์เน็ตที่มีความละเอียดต่ำ ก็สามารถปรับให้คมชัดขึ้นได้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตึกสูง ทิวทัศน์ธรรมชาติ ป้ายถนน หรือภาพพอร์เทรตทางไกล









🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายพอร์ตเทรตของ realme 14 Pro 5G
ประสิทธิภาพ จอแสดงผล และฟีเจอร์อื่นๆ

realme 14 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 7300 Energy 5G ที่ผลิตด้วยกระบวนการขั้นสูง 4nm ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น สามารถทำคะแนน AnTuTu ได้มากกว่า 750,000 คะแนน และให้การเล่นเกมที่เสถียรกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยรองรับการเล่นเกมดังเกมฮิตในระดับเฟรมเรตสูงได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อน 3D VC Cooling System ขนาด 6000mm² ซึ่งเป็นพื้นที่ระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ช่วยให้สมาร์ทโฟนรักษาประสิทธิภาพที่เสถียรในการใช้งานระยะยาว
หน้าจอของ realme 14 Pro 5G ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยจอแสดงผลโค้ง 120Hz Curved Vision ระดับเรือธง Pro-XDR ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด 2392 x 1080 แสดงสี 100% P3 และมีความสว่างสูงสุดในพื้นที่สูงถึง 4500nit ซึ่งสว่างที่สุดในกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีการหรี่แสงความถี่สูงสุด 3840Hz PWM เพียงรุ่นเดียวในกลุ่ม ช่วยถนอมสายตาได้ดีกว่า

ความทนทานยังมาพร้อมการป้องกันน้ำระดับ IP69 ด้วยเช่นกัน และทนต่อการกระแทกระดับทหาร ที่พิเศษกว่านั้นคือ realme 14 Pro 5G ยังมีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำที่รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่อง 60 นาทีที่ความลึก 1.5 เมตร ทำให้สามารถบันทึกช่วงเวลาสนุกๆ ใต้น้ำได้อย่างไม่ต้องกังวล
โดยสรุปแล้ว realme 14 Pro 5G นำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมการเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ ระบบกล้องระดับเรือธง และประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจอีกรุ่นสำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และประสิทธิภาพในราคาที่เข้าถึงได้

สรุป รีวิว realme 14 5G Series
หลังจากได้ทดสอบใช้งาน realme 14 Series 5G ทั้งสองรุ่นอย่างละเอียดแล้ว ต้องบอกว่าทั้ง realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ต่างก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจในแบบฉบับของตัวเอง แม้จะอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนที่ตอบโจทย์ผู้ใช้คนละกลุ่ม
สำหรับ realme 14 5G จุดเด่นหลักอยู่ที่ชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 4 ที่เป็นชิประดับกลาง แต่ก็ให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมที่น่าพึงพอใจ ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh ที่ใช้งานได้ยาวนาน
ในขณะที่ realme 14 Pro 5G โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิที่เป็นรุ่นแรกของโลก ระบบกล้อง Sony IMX882 ระดับ DSLR และเทคโนโลยีแฟลชสามดวง MagicGlow Triple Flash ที่ปฏิวัติการถ่ายภาพกลางคืน

ในแง่ความคุ้มค่า ต้องยอมรับว่า realme 14 Series 5G ทั้งสองรุ่นให้ความคุ้มค่าเกินราคาอย่างมาก โดย realme 14 5G เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุด ด้วยจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการเล่นเกมและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน ส่วน realme 14 Pro 5G แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ก็ให้คุณสมบัติระดับพรีเมียมหลายอย่างที่ไม่พบในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในระดับราคาเดียวกัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิและกล้องระดับท็อป
สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสม realme 14 5G จะเป็นเกมเมอร์ที่หลงใหลในการเล่นเกมมือถือ ต้องการสมาร์ทโฟนที่รองรับการเล่นเกมที่ราบรื่น และมีแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวนาน แต่ไม่ต้องการจ่ายเงินในระดับเรือธง ส่วน realme 14 Pro 5G จะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร และยังรองรับการเล่นเกมได้ดีในระดับที่น่าพอใจ

ความเห็นจาก TechOffside หลังได้ทดสอบแล้ว หากคุณเป็นสายเกมเมอร์ตัวจริงที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในราคาที่เข้าถึงได้ realme 14 5G คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แต่หากคุณต้องการความสมดุลระหว่างการถ่ายภาพระดับเรือธง ดีไซน์ที่โดดเด่น และประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ดี realme 14 Pro 5G จะเป็นตัวเลือกที่ลงตัวกว่า นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจคือทั้งสองรุ่นต่างมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IP69 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน ทำให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจในทุกสภาพแวดล้อม
โดยสรุปแล้ว realme 14 Series 5G ทั้งสองรุ่นต่างก็เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในปี 2568 นี้ ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง และราคาที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน ก็มั่นใจได้ว่าจะได้รับสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันอย่างแน่นอน

ราคา และ การวางจำหน่าย realme 14 5G Series
- realme 14 5G – นำเสนอโทนสี Mecha Silver, Storm Titanium และ Warrior Pink
o รุ่นความจุ 12+256GB ราคา 11,999 บาท สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 3 เมษายน และสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันในวันที่ 4 เมษายนผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย BaNANA, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice, ช่องทางโอเปอร์เรเตอร์ AIS, True และ Dtac, ช่องทาง Online อาทิ Shopee , Lazada และ Tiktok Shop และ realme BrandShop ทั่วประเทศ
o รุ่นความจุ 12+512GB ในราคา 13,999 บาท สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 3 เมษายน พิเศษ! ในช่วง Pre-Order สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง Shopee เท่านั้น และสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันในวันที่ 4 เมษายนผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย BaNANA, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice, ช่องทางโอเปอร์เรเตอร์ AIS, True และ Dtac , ช่องทาง Online อาทิ Shopee , Lazada และ Tiktok Shop (สำหรับช่องทาง Lazada และ Tiktok Shop จำหน่ายวันแรกในวันที่ 12 เมษายน) และ realme BrandShop ทั่วประเทศ
o ช่องทางการสั่งซื้อผ่านทาง Shopee : https://bit.ly/43Z6QgO - realme 14 Pro 5G – นำเสนอโทนสี Pearl White และ Suede Grey ในรุ่นความจุ 12+512GB ในราคา 14,999 บาท สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมถึง 3 เมษายนและเป็นเจ้าของได้พร้อมกันวันที่ 4 เมษายนผ่านช่องตัวแทนจำหน่าย COM7 และ realme Brand Shop ทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok