realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เตรียมเปิดตัว realme 14 5G Series สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในวันที่ 27 มีนาคม 2568 โดยไฮไลท์สำคัญคือการเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิป Snapdragon 6 Gen 4 พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh และชาร์จเร็ว 45W ตอบโจทย์เกมเมอร์อย่างเต็มรูปแบบ
ประสิทธิภาพระดับเรือธงเพื่อเกมเมอร์ตัวจริง

realme 14 5G มาพร้อมชิป Snapdragon 6 Gen 4 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4nm ให้คะแนน AnTuTu สูงถึง 810,000 คะแนน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU สูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ตอบโจทย์การใช้งานทั้งเกมและแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
ด้านพลังงาน realme 14 5G มาพร้อม Titan แบตเตอรี่ขนาด 6000mAh ที่มีความหนาแน่นพลังงานเพิ่มขึ้น 8% พร้อมการชาร์จเร็ว 45W ที่ดีที่สุดในเซกเมนต์ และรับประกันสุขภาพแบตเตอรี่นานถึง 4 ปี โดยรักษาความจุได้มากกว่า 80% หลังจากการใช้งาน 1,400 รอบการชาร์จ
สุดยอดสมาร์ตโฟนเพื่อวงการอีสปอร์ต

ด้วยความร่วมมือกับเกมระดับโลกอย่าง Free Fire ทำให้ realme 14 5G รองรับการเล่นเกมที่เฟรมเรตสูงถึง 90Hz พร้อมหน้าจอ AMOLED 120Hz ที่ตอบสนองรวดเร็ว เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยภาพที่ไหลลื่นไร้ความหน่วง
นอกจากนี้ยังมาพร้อม AI Performance Engine ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบมัลติทาสก์ ช่วยให้การเปิดแอปพลิเคชันทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมจอแสดงผล AMOLED ที่ให้สีสันสดใส ลดความเมื่อยล้าของดวงตาแม้ต้องเล่นเกมเป็นเวลานาน
นวัตกรรมใหม่กับ realme 14 Pro 5G

realme 14 Pro 5G โดดเด่นด้วยการเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ มาพร้อมชิป Dimensity 7300 ที่ทรงพลังที่สุดในช่วงราคา และระบบ MagicGlow Triple Flash ที่ปฏิวัติวงการถ่ายภาพด้วยการจัดเรียงแฟลชสามดวงเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม
ด้านประสิทธิภาพ realme 14 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh ชาร์จไว 45 วัตต์ รวมถึงจอแสดงผลระดับแฟลกชิป และระบบระบายความร้อน 3D VC Cooling System ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ติดตามการเปิดตัว realme 14 5G Series ได้ในวันที่ 27 มีนาคม 2568 เวลา 15:00-17:00 น. ผ่านทาง Facebook realme TH, Youtube realme Thailand และ TikTok realme Thailand พร้อมลุ้นรับ realme 14 5G และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok