Qualcomm นำเสนอนวัตกรรมการเชื่อมต่อไร้สายยุคหน้าที่งาน Mobile World Congress (MWC 2025) พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีสำหรับอนาคต 6G และระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือกว่าที่เคย
การเชื่อมต่อไร้สายได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ IoT หรือรถยนต์อัจฉริยะ โดย Qualcomm Technologies กำลังขับเคลื่อนวิวัฒนาการครั้งสำคัญของเทคโนโลยีไร้สายผ่านการประมวลผลอัจฉริยะบนอุปกรณ์ (On-Device Intelligence) เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้สามารถสัมผัสได้โดยตรง ดร. จอห์น อี. สมี หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีไร้สายระดับโลกของ Qualcomm Technologies กล่าวว่าทีมงานมีความภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดในงาน Mobile World Congress 2568 ที่บาร์เซโลนา
การพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด
Qualcomm มุ่งเน้นการพัฒนาสององค์ประกอบหลักของเครือข่ายไร้สาย ได้แก่ ความครอบคลุมของสัญญาณ (Coverage) และประสิทธิภาพโครงข่าย (Capacity) ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับเทคโนโลยี 6G ในอนาคต บริษัทเรียกแนวทางการวิจัยนี้ว่าเส้นทาง “วิวัฒนาการ” ซึ่งหมายถึงการต่อยอดจากโครงสร้างระบบที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
การยกระดับความครอบคลุมเครือข่ายเป็นหนึ่งในประเด็นวิจัยสำคัญที่ Qualcomm กำลังดำเนินการ โดยมุ่งพัฒนาเทคนิคที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่ (Spectral Efficiency) ในทุกย่านความถี่ ปัจจุบันเครือข่ายที่ใช้ย่านความถี่ต่ำ (ต่ำกว่า 1GHz และระหว่าง 1-2GHz) ให้ความครอบคลุมที่กว้างที่สุด แต่มีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์โดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ Qualcomm ยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี 5G ดาวเทียม หรือเครือข่ายนอกภาคพื้นดิน (Non-Terrestrial Network) เพื่อขยายการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ห่างไกลและเหนือมหาสมุทร การรวมเครือข่ายภาคพื้นดินและดาวเทียมเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อจะช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าอุปกรณ์จะเคลื่อนที่จากตัวเมืองเข้าสู่เขตชานเมืองและชนบท

เทคโนโลยีความถี่ใหม่เพื่อรองรับความต้องการข้อมูลในอนาคต
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Qualcomm กำลังพัฒนาระบบ MIMO สำหรับย่านความถี่ใหม่ที่เรียกว่า “FR3” (7-15 GHz) ซึ่งสามารถให้แบนด์วิดท์ประมาณ 400 MHz สำหรับพื้นที่ครอบคลุมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ
จากการจำลองขั้นสูงและการทดสอบแบบ Over-the-Air ของระบบ FR3 Giga-MIMO พบว่าสามารถเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีนัยสำคัญ และให้ความครอบคลุมที่เทียบเคียงได้กับย่านความถี่ต่ำกว่า 7 GHz Qualcomm กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลคลื่นความถี่และผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมของย่านความถี่นี้สำหรับ 6G
นอกจากนี้ ภายในศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ความต้องการการเชื่อมต่อแบบ Hyper-Local กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Qualcomm จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีคลื่นความถี่ mmWave (24 GHz ขึ้นไป) และ sub-THz (100 GHz ขึ้นไป) ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งให้ความยืดหยุ่นและทิศทางสัญญาณที่แม่นยำ
AI: ปฏิวัติเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ
วิสัยทัศน์ของ Qualcomm เกี่ยวกับ 6G คือระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตั้งแต่แกนหลัก โดย AI จะถูกผสานเข้าไปในทุกระดับของเครือข่ายและอุปกรณ์ ทำให้เครือข่ายสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เองผ่าน AI-native protocols ที่ช่วยให้เครือข่ายปรับพารามิเตอร์แบบไดนามิกตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
เป้าหมายหนึ่งของการวิจัยคือการทำให้ AI ในเครือข่ายและ AI บนอุปกรณ์ทำงานร่วมกันเพื่อมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งได้เริ่มต้นแล้วกับการออกแบบระบบ AI สองฝ่าย (Two-Sided AI) ของ Channel State Feedback ใน 5G Advanced นอกจากนี้ Qualcomm ยังร่วมมือกับ Nokia Bell Labs และ Rohde & Schwarz เพื่อสาธิตประโยชน์และความสามารถในการขยายขีดความสามารถของ Air Interface ที่ยกระดับด้วย AI
Digital Twin: เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์

Digital Twin ของเครือข่ายไร้สายช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบแบบครบวงจรและการดำเนินงาน โดย Qualcomm ได้พัฒนาโซลูชัน SMO (Service Management and Orchestration) บน O-RAN ที่ผสานรวมบริการ Digital Twin, AI และระบบอัตโนมัติของ RAN เพื่อช่วยวิเคราะห์ สร้าง และบริหารจัดการ Network Slices ได้อย่างแม่นยำและขยายขนาดได้
หนึ่งในกรณีการใช้งานที่เป็นไปได้คือการปรับปรุงการจัดสรรและประสิทธิภาพของ Network Slicing สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ Digital Twin ยังถูกนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพ Analog Beamforming ใน Massive MIMO ซึ่งช่วยให้เครือข่ายตอบสนองได้เร็วขึ้นและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำ การสาธิตนี้สะท้อนถึงอนาคตของ RAN Automation ซึ่งรวมถึง Qualcomm Dragonwing RAN Automation Suite
เทคโนโลยีการตรวจจับและสื่อสารเสมือนจริง
Qualcomm กำลังวางรากฐานสำหรับประสบการณ์มือถือรุ่นต่อไปโดยมี Extended Reality (XR) เป็นหัวใจสำคัญ การส่งมอบการสื่อสารที่สมจริงและมีความละเอียดสูงอาศัยสถาปัตยกรรมการประมวลผลเชิงพื้นที่แบบกระจายตัว (Distributed Spatial Computing) โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์
อีกแนวทางที่น่าสนใจคือการตรวจจับผ่านคลื่นวิทยุ (RF Sensing) ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจจับวัตถุและการเคลื่อนไหวได้ หนึ่งในกรณีการใช้งานสำคัญคือการยกระดับประสิทธิภาพของเครือข่ายไร้สาย โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพแวดล้อม เช่น การตรวจจับตำแหน่งของสิ่งกีดขวาง ซึ่งช่วยให้เครือข่ายสามารถจัดการการเชื่อมต่อได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การตรวจจับโดรนทางอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูงในอนาคต
ความคืบหน้าต่อไปของ Qualcomm
ปี 2568 นับเป็นปีสำคัญสำหรับวงการโทรคมนาคม เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของกระบวนการมาตรฐาน 6G โดย Qualcomm จะเข้าร่วมการประชุม 3GPP 6G RAN Plenary Workshop ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์ถัดไปหลังจาก MWC Barcelona
Qualcomm คาดว่าปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสที่น่าตื่นเต้น ซึ่งอาจพลิกโฉมโลกของการสื่อสารไร้สายได้อย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็ว และความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่ต้องการความหน่วงต่ำและแบนด์วิดท์สูง
ผู้สนใจสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยีไร้สายได้ที่เว็บไซต์ 6G ของ Qualcomm หรือชมวิดีโอสาธิตเทคโนโลยีไร้สายล่าสุดบน YouTube และสามารถสมัครรับข่าวสารด้านเทคโนโลยีไร้สายและอัปเดตใหม่ๆ ได้ทางเว็บไซต์ Qualcomm
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok