แอลจี กลยุทธ 2568

แอลจี ประเทศไทย เผยกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งสู่ Smart Life Solution Company

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) ประกาศวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งสู่การเป็น Smart Life Solution Company เต็มรูปแบบ โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค พร้อมเผยผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งกว่า 5% ในปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าเติบโต 15% ในปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Life’s Good 24/7 with Affectionate Intelligence: ชีวิตดีดีทุกเวลา ด้วยความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์”

แอลจีเดินหน้าพัฒนา AI เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

นายซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น Smart Life Solution Company ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 โดยผสานเทคโนโลยี AI และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ที่ไร้รอยต่อ

บริษัทมุ่งเน้น 4 เสาหลักในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การเติบโตในธุรกิจหลัก การขยายบริการแพลตฟอร์ม การสร้างการเติบโตให้กับโซลูชัน B2B และการแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน ประกอบด้วย More Insight การเข้าใจผู้บริโภคด้วย AI, More Integrated การพัฒนาโซลูชัน B2B แบบครบวงจร, More Seamless การยกระดับประสบการณ์ซื้อสินค้าออนไลน์, และ More Reliable การมอบบริการดูแลระยะยาวที่น่าเชื่อถือ

แอลจี กลยุทธ 2568

Affectionate Intelligence นวัตกรรม AI ที่เข้าใจผู้ใช้

นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด แอลจี ประเทศไทย กล่าวว่า Affectionate Intelligence เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ในปี 2568 โดยเป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนา AI ที่เข้าใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล

การพัฒนานวัตกรรม AI ของแอลจีประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กว่า 170 แบรนด์ทั่วโลกผ่านการเข้าซื้อกิจการ Athom เอเจนต์ AI อัจฉริยะที่ใช้ยกระดับ LG FURON ด้วย AI เชิงสร้างสรรค์จากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ และบริการที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวผ่านความร่วมมือกับ ไมโครซอฟท์ ในการพัฒนาบริการแบบครบวงจร

แอลจี กลยุทธ 2568

ปรับโครงสร้างองค์กรรับการเติบโตในอนาคต

ตลอดระยะเวลา 37 ปีที่ผ่านมา แอลจี ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านรางวัล Superbrands Thailand 15 ปีซ้อน และ Thailand’s Most Admired Brand 5 ปีซ้อน โดยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็นสองประตู

บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มุ่งเน้นการบูรณาการ AI กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิงที่ปรับเปลี่ยนจากผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์สู่ผู้ให้บริการคอนเทนต์ กลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อมที่พัฒนาโซลูชัน HVAC และโซลูชันเฉพาะสำหรับประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการนำเข้ามาในประเทศไทย

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

แอลจีเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบ อาทิ LG WashTower รุ่นใหม่ที่มาพร้อม UX Interface ปรับแต่งได้ตามการใช้งาน LG SIGNATURE OLED M ทีวีไร้สายอัจฉริยะรุ่นแรกของโลก และ LG QNED evo AI ไลฟ์สไตล์ทีวีที่มอบภาพคมชัดสมจริง

บริษัทยังพัฒนานวัตกรรม AI Air สำหรับเครื่องปรับอากาศที่สามารถเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานทั้งด้านความสะดวกสบายและการประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งใช้โซลูชัน ‘LG AI Brain‘ วิเคราะห์และประสานการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ควบคู่กับระบบ ‘LG Shield‘ เพื่อดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายรองรับทุกกลุ่มเป้าหมาย

แอลจีมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ และกำลังขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ B2B จาก 11% เป็น 15% ควบคู่กับการรุกตลาด D2C ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ LG.com

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งขยายช่องทางร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15% ในขณะที่ยังคงรักษาสัดส่วนลูกค้า B2C ซึ่งเป็นกลุ่มหลักไว้ที่ 70% เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ แอลจี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.lg.com/th

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.