เลอโนโว เผยวิสัยทัศน์ 9 เทรนด์เทคโนโลยี ปี 2025 มุ่งเน้นการผสานนวัตกรรม AI กับความยั่งยืน พร้อมแนวทางการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไปประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์เทคโนโลยีสำหรับปี 2025 พร้อมนำเสนอทรนด์หลักที่จะปฏิรูปการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการผสานเทคโนโลยี AI การจัดการข้อมูล กลยุทธ์การใช้งานคลาวด์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการสร้างความยั่งยืน
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง การปรับตัวและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต โดยองค์กรที่สามารถผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ
1.LLM เฉพาะทาง: การปฏิวัติการใช้งาน AI ในภาคธุรกิจ
การประยุกต์ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ AI ธุรกิจ โดย LLM เฉพาะทางนี้จะยกระดับความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างเนื้อหาด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในข้อกำหนด กฎเกณฑ์ และแนวปฏิบัติเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ระบบนี้สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางและโซลูชันที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละธุรกิจ
นวัตกรรม LLM เฉพาะทางยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การจัดการงานประจำวัน การบริหารเวิร์กโฟลว์ การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ไปจนถึงการค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างละเอียดและเป็นระบบ
2.การลงทุนด้าน AI: การเติบโตแบบก้าวกระโดดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการใช้งาน AI และ Generative AI โดยการคาดการณ์มูลค่าการลงทุนด้าน AI ที่จะพุ่งสูงถึง 110 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2028 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ เลอโนโว ได้ตอบสนองต่อแนวโน้มนี้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผสานนวัตกรรม AI อย่าง AI PCs, AI Applications และโซลูชัน Hybrid AI
ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับสูงกำลังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ธุรกิจ แต่ยังต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด การตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยี AI จึงต้องพิจารณาทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างครบถ้วน เพื่อสร้างความยั่งยืนในการใช้งานระยะยาว
3.AI เอเจ้นท์: การปฏิวัติรูปแบบการทำงานแห่งอนาคต
Agentic AI หรือ AI เอเจ้นท์ กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในการปฏิรูปการทำงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร โดยการ์ทเนอร์ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 การตัดสินใจในการทำงานประจำวันกว่า 15% จะมี AI เข้ามามีส่วนร่วม ความสามารถของ AI เอเจ้นท์ในการใช้ LLM เพื่อการสื่อสารแบบเรียลไทม์ โดยประมวลผลบนอุปกรณ์โดยตรง ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แต่ยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นวัตกรรม digital twins หรือฝาแฝดดิจิทัล จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ AI เอเจ้นท์ โดยระบบจะเรียนรู้และจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เฉพาะตัวยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การผสานการทำงานระหว่าง AI เอเจ้นท์สำหรับการช็อปปิ้ง การแปลภาษา และการท่องเที่ยว เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
4.โครงสร้างพื้นฐานรองรับ AI: การยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผล
ความต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับการใช้งาน AI เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถจัดการกับความต้องการด้านพลังงานและการระบายความร้อนที่เพิ่มขึ้น เลอโนโว ได้ตอบสนองความท้าทายนี้ด้วยการออกแบบเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ที่ไม่เพียงรองรับการใช้งาน AI แต่ยังมุ่งเน้นการประหยัดพื้นที่จัดเก็บและการใช้หน่วยความจำอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ระบบการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่ช่วยลดภาระการทำงานและเพิ่มความเร็วในการประมวลผล พร้อมทั้งระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะที่สามารถปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับปริมาณงานในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
5.Multi-cloud: กลยุทธ์การใช้งานคลาวด์เพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีผลักดันให้ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกปรับตัวสู่การใช้บริการ multi-cloud อย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดการใช้งานตามความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโซลูชัน AI ที่ต้องการทรัพยากรการประมวลผลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การทำงานอัตโนมัติ หรือการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลสู่ multi-cloud นั้นมีความซับซ้อนและต้นทุนที่สูง ผู้บริหารจำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบระหว่างค่าใช้จ่ายในการย้ายระบบและผลประโยชน์ระยะยาวที่จะได้รับ โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ความสามารถในการปรับขนาด และความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อให้การลงทุนเกิดประโยชน์สูงสุด
6.Edge Computing: การประมวลผลที่ขอบเครือข่ายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การลงทุนใน edge computing เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเพิ่มขึ้นถึง 25% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระหว่างปี 2023-2024 ตามรายงาน Lenovo’s 2024 CIO Playbook สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการประมวลผลที่ขอบเครือข่ายในการตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยลดเวลาในการประมวลผลและความหน่วงของระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในปี 2025 อุปกรณ์ edge จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการตอบสนองแบบทันที เช่น การผลิตอัจฉริยะ การขนส่ง และการให้บริการทางการแพทย์ นอกจากนี้ การผสานรวมระหว่าง edge computing และ AI จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจแบบอัตโนมัติ ณ จุดที่ข้อมูลถูกสร้างขึ้น
7.ความปลอดภัยทางไซเบอร์: การรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น
จากสถิติการโจมตีทางไซเบอร์และเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2024 ความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังคงเป็นประเด็นที่ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญสูงสุดในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐในหลายประเทศเพิ่มความเข้มงวดผ่านกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ ส่งผลให้องค์กรต้องปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีและโซลูชันด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง
การเพิ่มขึ้นของการใช้งาน AI และการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ยิ่งทำให้ความท้าทายด้านความปลอดภัยซับซ้อนขึ้น องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาระบบนิเวศด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น สามารถปรับตัวรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยที่อาจเข้มงวดขึ้นในอนาคต
8.การเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์: รากฐานสำคัญของการประมวลผลยุคใหม่
ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อันเป็นผลมาจากความต้องการในการจัดการข้อมูลและการใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการประมวลผลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
ความท้าทายสำคัญของการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ในปี 2025 คือการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการประมวลผลและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า โดยมีการนำเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบใหม่และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะมาใช้ เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
9.ความยั่งยืน: มิติใหม่ของการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์
การใช้งานบริการดิจิทัลและ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดส่งผลให้ดาต้าเซ็นเตอร์ต้องปรับตัวด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนานวัตกรรมการจัดการพลังงานอัจฉริยะ และการใช้วัสดุที่ยั่งยืนในการก่อสร้างและดำเนินงาน
นอกจากนี้ การพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ในปี 2025 จะให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผ่านการใช้พลังงานทดแทนและการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำเทคโนโลยีการหมุนเวียนความร้อนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยหลายองค์กรเริ่มนำความร้อนที่เกิดจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ไปใช้ในระบบทำความร้อนสำหรับอาคารหรือชุมชนใกล้เคียง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดการใช้พลังงาน แต่ยังสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวม
การใช้วัสดุรีไซเคิลและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืน โดย เลอโนโว ได้พัฒนานวัตกรรมการผลิตที่ใช้วัสดุรีไซเคิลในสัดส่วนที่สูงขึ้น พร้อมทั้งออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถถอดประกอบและนำชิ้นส่วนกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลก
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทั้ง 9 เทรนด์ที่ เลอโนโว นำเสนอสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์เทคโนโลยีธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสานรวมระหว่าง AI ความยั่งยืน และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล องค์กรที่สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทรนด์เทคโนโลยี และโซลูชันล่าสุดจาก เลอโนโว ได้ที่ https://www.lenovo.com และ StoryHub ที่ http://storyhub.lenovo.com/
Lenovo ฉลองครบรอบ 20 ปีในไทย จัดงานวิ่งมินิมาราธอนการกุศล
เตรียมร่วมสนุกกับงานวิ่งมินิมาราธอน Lenovo 20th Anniversary Charity Run 2025 (Run for Heart) ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 04.00 – 09.00 น. จุดปล่อยตัวที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สนามจุ๊บ) ในระยะฟันรัน 5 กิโลเมตร และระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร โดยรายได้จากค่าสมัครโดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะมอบให้แก่มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ
กิจกรรมครั้งนี้ รับจำนวนจำกัด 800 คน โดยค่าสมัครในระยะต่างๆ มีดังนี้
- ระยะฟันรัน 5 กิโลเมตร ค่าสมัคร 588 บาท
- ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ค่าสมัคร 888 บาท
- VIP ค่าสมัคร 2,020 บาท
สามารถติดตามรายละเอียดและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://race.thai.run/lenovorunforheart ตั้งแต่วันนี้ – 2 กุมภาพันธ์ 2568 นี้
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok



