รีวิว vivo X200 Series

รีวิว vivo X200 Series กล้อง ZEISS ซูมชัด สวยจบหลังกล้อง ประสิทธิภาพสุดจัดครบทุกด้าน

TechOffside มาพร้อมกับ รีวิว vivo X200 Series สมาร์ตโฟนเรือธงส่งท้ายปี 2024 ที่ลองแล้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ด้วยนวัตกรรมการถ่ายภาพขั้นสูง จากการพัฒนาร่วมกับ ZEISS แบรนด์เลนส์ระดับโลก ทำให้เรื่องกล้องของ vivo X200 และ vivo X200 Pro ทั้ง 2 รุ่นนี้ โดดเด่นเป็นพิเศษ

vivo X200 Series อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาใช้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9400 รุ่นเรือธงใหม่ล่าสุด ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm ให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 28% ตัวหน้าจอมาตรฐาน ZEISS Master Color ให้ความสว่างสูงสุดถึง 4500nits และพระเอกก็คือระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS โดยเฉพาะในรุ่น Pro ที่มาพร้อมกล้อง ZEISS APO Telephoto ความละเอียดสูงถึง 200MP ซูมไกลยังได้รายละเอียดที่ชัดเจน

หลังจากที่ผมได้ทดลองใช้งาน vivo X200 Series เพื่อ รีวิว มาประมาณ 2 สัปดาห์ ต้องบอกว่าประทับใจกับพัฒนาการที่ก้าวกระโดดจากรุ่นก่อนหน้าแทบจะทุกจุด ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน คุณภาพของภาพกล้องที่ดีขึ้นทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ และความลื่นไหลในการใช้งาน

ต่อจากนี้ TechOffside จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ vivo X200 และ vivo X200 Pro ทั้ง 2 รุ่น ในส่วนของจุดเด่น ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ รวมถึงข้อจำกัดต่างๆ ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานของคุณได้อย่างลงตัวที่สุด

Unbox – แกะกล่อง vivo X200 และ vivo X200 Pro

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ตัวกล่องแพ็กเกจของทั้ง 2 รุ่น มาในรูปแบบของกล่องฝาเปิดที่ดูมีความพรีเมียมกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป ที่ภายในจะแบ่งอุปกรณ์ต่างๆ เป็นส่วนๆ ในกล่อง ตั้งแต่เคสสำหรับใส่เพื่อปกป้องรอยตัวเครื่อง โดยที่เครื่องสีดำจะให้มาเป็นเคสสีทึบ ส่วนเครื่องสีอ่อนจะได้เป็นสีใสมองเห็นสีภายใน

ตัวอุปกรณ์ชาร์จก็มีมาให้ครบด้วยเช่นกันทั้งอะแดปเตอร์ชาร์จและสายชาร์จ USB-C ที่รองรับมาตรฐาน 90W FlashCharge

ตัวเครื่องออกแบบดีไซน์ดูพรีเมียมอย่างลงตัว

vivo X200 Series ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบมาในแนวทางที่เรียบหรูและทันสมัย โดดเด่นตั้งแต่ด้วยหน้าจอ Micro Quad Curved Screen ดีไซน์ใหม่ที่มีขอบโค้งเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน เป็นการผสมผสานข้อดีระหว่างหน้าจอแบบโค้งและแบบแบน ช่วยให้การจับถือกระชับและลดการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่ยังคงความสวยงามและประสบการณ์การรับชมที่น่าประทับใจ

ด้านหลังของตัวเครื่องโดดเด่นด้วยโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ที่ถูกขัดเงาอย่างประณีต ล้อมรอบด้วยวงแหวน Sunburst ที่เสริมความแข็งแกร่งและความสง่างามให้กับชุดกล้อง การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ดูลงตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

สำหรับ X200 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black สีดำขลับ Aurora Green สีเขียวอ่อนประกายมุก และ Ocean Blue สีน้ำเงินเข้มหรู

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ส่วน X200 Pro มีให้เลือก 2 สี คือ Midnight Black และ Titanium Grey ที่ตัวเฟรมเครื่องใช้เทคโนโลยีการขัดลายพิเศษ เพื่อเพิ่มความหรูหรา

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

มาดูกันในด้านของขนาดและความบาง vivo X200 มีความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร ส่วน X200 Pro มีความบาง 8.20 มิลลิเมตร สำหรับสีดำ และ 8.49 มิลลิเมตรสำหรับสีเทา แม้จะบางแต่ตัวเครื่องให้ความรู้สึกแข็งแรงและพรีเมียมเมื่อสัมผัส นอกจากนี้ยังผ่านการรับรองมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 และ IP69 ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

สิ่งที่น่าชื่นชมอีกประการคือการใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดที่ให้สัมผัสแม่นยำ ขอบจอที่เชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้อย่างราบเนียน และการเคลือบผิวที่ช่วยลดรอยนิ้วมือ ทำให้ vivo X200 Series ดูสวยงามและคงความสะอาดได้ตลอดการใช้งาน สมกับการเป็นสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการออกแบบ

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องลำโพงเสียง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C และถาดใส่ซิม รองรับ 2 ซิมขนาด Nano SIM และไม่รองรับการเพิ่ม microSD

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจกับ X200 Pro สี Titanium Grey ที่มีความเรียบง่ายแต่ให้สัมผัสที่พรีเมียมแบบไฮเอนด์ เครื่องที่โค้งมนเข้ามือพร้อมกับสีที่ดูโดดเด่น การจัดวางตำแหน่งของโมดูลกล้อง, ปุ่มต่างๆ ที่เหมาะเจาะ โดยรวมจึงรู้สึกว่ามีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ระบบกล้องที่พัฒนาขึ้นใหม่ ยกระดับการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนได้อย่างมืออาชีพ

ระบบกล้องถือเป็นไฮไลท์สำคัญของ vivo X200 Series ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการถ่ายภาพระยะไกลที่ชัดเจนและสมจริงมากขึ้น

เริ่มต้นที่กล้องหลัก vivo X200 มาพร้อมกล้องหลัก VCS True Color ที่ใช้เซนเซอร์ IMX921 ขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยี vivo Camera-Bionic Spectrum หรือ VCS ที่ช่วยให้สีที่ถ่ายออกมาเป็นธรรมชาติเหมือนที่ตาเรามองเห็น เช่น สีท้องฟ้าที่ไม่อมฟ้าจนเกินไป หรือสีผิวที่ไม่คลาดเคลื่อน

ส่วนกล้องหลัก X200 Pro ยกระดับไปอีกขั้นด้วย ZEISS True Color ที่ใช้เซนเซอร์พิเศษ vivo x Sony LYT-818 ที่พัฒนาร่วมกัน ให้ภาพที่คมชัดและสีสันแม่นยำกว่า

สิ่งที่ทำให้ร้องอื้อหือทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาถ่าย ก็คือ กล้องซูม โดย X200 Pro มาพร้อมกล้อง 200MP ZEISS APO Telephoto Camera ที่ใช้เซนเซอร์ HP9 ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถซูมได้ไกลโดยยังคงรายละเอียดภาพได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การถ่ายภาพนกบนยอดไม้ระยะไกล หรือรายละเอียดของตึกในเมือง ที่ยังคงความคมชัดแม้จะซูมเข้าไปมาก

ที่สำคัญและน่าตื่นเต้นมากๆ คือโหมด Telephoto Super Stage ที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอบนเวทีคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ มี AI ช่วยจับการเคลื่อนไหวบนเวที พร้อมระบบ Zero-Shutter-Lag ที่ช่วยให้ไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญรวมถึงที่พิเศษคือระบบ Pure Sound Recording ที่สามารถซูมเสียงตามตำแหน่งการซูมภาพ ทำให้เสียงที่บันทึกเสียงของนักร้องได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สำหรับคนชอบถ่ายวิวทิวทัศน์ vivo ได้เพิ่มโหมด Super Landscape ที่มีให้เลือก 2 สไตล์ คือ “Atmosphere” เน้นบรรยากาศที่ดราม่าและน่าประทับใจ และ “Soft” ที่ให้ภาพนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ พร้อมฟีเจอร์ Landscape Long Exposure ที่ช่วยให้การถ่ายภาพแสงกลางคืนหรือน้ำตกได้อย่างสวยงาม โดยระบบจะรวมภาพหลายเฟรมเข้าด้วยกันผ่านเอฟเฟกต์ HDR และ slow-shutter

การถ่ายพอร์ตเทรตก็ไม่น้อยหน้า ด้วยระบบ ZEISS Multifocal Portrait ที่มีให้เลือกถ่ายในระยะเลนส์ที่หลายหลาย อย่าง 85mm สำหรับภาพพอร์ตเทรตทั่วไป และ 135mm สำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการเบลอฉากหลังมากขึ้น พร้อม ZEISS Planar Style Bokeh ที่ให้การเบลอฉากหลังดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ และเลือกรูปทรงของโบเก้ด้านหลังได้หลากหลายเหมือนถ่ายด้วยเลนส์กล้องโปร

ด้านการถ่ายวิดีโอ X200 Pro รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K HDR พร้อมโหมด Cinema Portrait ที่ให้ภาพสวยงามแบบภาพยนตร์ สามารถซูมได้สูงสุด 30 เท่าโดยที่ภาพยังคงความนิ่งและคมชัด

พร้อมกันนี้ กล้องทั้งหมดยังได้รับการเคลือบเลนส์ด้วยเทคโนโลยี ZEISS T* Coating ที่ช่วยลดแสงสะท้อนและการเกิดแฟลร์ ทำให้ภาพที่ได้คมชัดและมีคอนทราสต์ที่ดี แม้จะถ่ายย้อนแสงหรือในสภาพแสงที่ท้าทาย

ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดต่างๆ ของกล้อง vivo X200 และ vivo X200 Pro

ประสิทธิภาพการทำงานระดับเรือธง

หัวใจสำคัญของ vivo X200 Series อยู่ที่ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm ล่าสุด มาพร้อมสถาปัตยกรรม CPU รุ่นที่สองแบบคอร์ใหญ่ทั้งหมด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 28% ซึ่งสังเกตได้จากความลื่นไหลในการใช้งานทั่วไป การเปิดแอพพลิเคชั่นทำได้รวดเร็ว และตัวเครื่องไม่ร้อนแม้ใช้งานหนักต่อเนื่อง

สำหรับการเล่นเกม หน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Arm 12-core Immortails-G925 ที่แรงขึ้น 41% ถือว่าตอบโจทย์เกมเมอร์ได้เป็นอย่างดี ด้วยการรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ทำให้ภาพในเกมสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะเอฟเฟกต์แสงเงาและการสะท้อน นอกจากนี้ยังมีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานโดยไม่กระทบต่อแบตเตอรี่มากนัก

ทางด้านของ X200 Pro จะมีเพิ่มชิปประมวลผลภาพ vivo V3+ ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 6nm ช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยชิป V3+ จะเข้ามาทำงานร่วมกันกับ MediaTek Dimensity 9400 ช่วยยกระดับคุณภาพการถ่ายภาพ โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อยและการถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การทำงานแบบชิปประมวลผลคู่นี้ ช่วยให้การประมวลผลภาพและวิดีโอทำได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตระดับ 4K HDR ที่ให้ภาพสวยงามเทียบเท่ากล้องระดับมืออาชีพ พร้อมความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ที่ทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอทำได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด

ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15

vivo X200 Series มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 บน Android 15 ตั้งแต่แกะกล่อง ตัวระบบได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล อินเตอร์เฟซใหม่ดูทันสมัยและใช้งานง่าย พร้อมฟีเจอร์การปรับแต่งที่ยืดหยุ่นให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าจอได้ตามต้องการ

การทำงานของระบบมีความเสถียรสูง แอพพลิเคชั่นต่างๆ เปิดได้เร็วและทำงานได้อย่างราบรื่น การจัดการหน่วยความจำและแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมระบบความปลอดภัยที่ได้รับการอัพเดทล่าสุด ทำให้การใช้งานโดยรวมเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัย

มี AI มาให้พร้อมใช้งานได้จริง

ในยุคนี้แล้ว AI ก็มีมาให้ใช้แล้วด้วยเช่นกัน และมาให้ใช้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งตัวผู้ช่วยแชทอัจฉริยะ, ระบบการค้นหาที่ชาญฉลาด และการใช้งานด้านภาษา และการแต่งภาพที่ง่ายแค่แตะทีเดียวก็สวยทันที

Gemini Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะที่นำ AI มาช่วยในการทำงานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล วางแผนกิจกรรม หรือแม้แต่การสร้างเนื้อหาต่างๆ โดยสามารถเรียนรู้และปรับตัวตามการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด

Circle to Search เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น เพียงวาดวงกลมล้อมรอบข้อความหรือรูปภาพที่สนใจบนหน้าจอ ระบบจะค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ทันที ช่วยประหยัดเวลาและทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

AI Note Assist ช่วยจัดระเบียบบันทึกให้เป็นระบบ สามารถสรุปข้อความ จัดทำรายการสิ่งที่ต้องทำ (to-dos) และแปลภาษาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การจดบันทึกและจัดการงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับภาษาไทย

AI Transcript Assist ฟีเจอร์ถอดเสียงอัจฉริยะที่ช่วยแปลงเสียงพูดเป็นข้อความได้อย่างแม่นยำ พร้อมความสามารถในการจัดระเบียบประเด็นสำคัญ สรุปเนื้อหา และค้นหาคำสำคัญได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับการประชุมหรือการสัมภาษณ์ และที่สำคัญคือ รองรับการพูดที่เป็นภาษาไทยได้ด้วย

AI Erase เครื่องมือแก้ไขภาพอัจฉริยะที่ช่วยลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างแนบเนียน เช่น ผู้คนที่เดินผ่าน วัตถุรบกวน หรือสิ่งที่ไม่ต้องการในภาพ โดย AI จะวิเคราะห์และแทนที่พื้นที่นั้นด้วยพื้นหลังที่กลมกลืน ทำให้การแก้ไขภาพทำได้ง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

หน้าจอสวยเหนือชั้น

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

จอแสดงผลมาตรฐาน ZEISS Master Color ของ vivo X200 Series ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ ด้วยอัตรารีเฟรชเรต 120Hz ที่ทำให้ทุกการเลื่อนหน้าจอและการเคลื่อนไหวดูลื่นไหล ความสว่างสูงสุด 4500nits ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง และการแสดงสีที่ผ่านมาตรฐาน ZEISS ช่วยให้ภาพที่เห็นสมจริงและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือแก้ไขภาพถ่าย

การถนอมสายตายังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษด้วยเทคโนโลยี Full Range Luminance 2160Hz PWM Dimming ช่วยลดการกะพริบของหน้าจอและอาการล้าของดวงตา ทำให้ใช้งานได้สบายตาในทุกระดับความสว่าง

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

นอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐานระดับพรีเมียมทั้ง HDR10+, Netflix HDR และ Dolby Vision ที่ช่วยให้การรับชมคอนเทนต์ต่างๆ มีความสมจริงและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

ส่วนของความแข็งแกร่งเฉพาะใน X200 Pro ยังมาพร้อมกระจก Armor Glass ที่ทนทานต่อการตกกระแทกได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 11 เท่า

แบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้น แต่เครื่องบางลง!

เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะว่า vivo ได้นำเทคโนโลยี BlueVolt มาใช้ โดย X200 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5800mAh และ X200 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000mAh ทั้งคู่รองรับการชาร์จเร็ว 90W FlashCharge ที่ชาร์จได้เต็มในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะ X200 Pro ยังรองรับการชาร์จไร้สาย 30W Wireless FlashCharge เพิ่มความสะดวกในการชาร์จ

พอเราเห็นตัวเลขความจุระดับนี้ ต้องคิดว่าเครื่องจะต้องหนาเตอะและหนักอึ้ง แต่ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ใช้แบตเตอรี่ Silicon Anode รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกในวงการสมาร์ตโฟน ร่วมกับเทคโนโลยี Semi-Solid ที่ทำให้แบตเตอรี่มีความบางลงแต่มีความจุมากขึ้น และยังทำงานได้ดีแม้ในอุณหภูมิต่ำถึง -20°C เหมาะอย่างยิ่งสำหรับไปเที่ยวเมืองหนาวที่ต่างประเทศ

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ในการใช้งานจริง เราพบว่าแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน แม้จะใช้งานหนักด้วยการถ่ายภาพ เล่นเกม หรือดูวิดีโอสตรีมมิ่ง และการชาร์จเร็วก็ช่วยให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด

เพราะว่ามีการจัดการพลังงานของระบบที่ทำได้ฉลาดขึ้น มีโหมดประหยัดพลังงานที่ปรับแต่งได้ตามการใช้งาน และระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานเพื่อปรับการทำงานให้เหมาะสม ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้จะผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง ความจุของแบตเตอรี่ก็ยังคงรักษาประสิทธิภาพได้ดี ถือเป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างยอดเยี่ยม

สรุป รีวิว vivo X200 Series สมศักดิ์ศรีเรือธง ทำได้ดีทั้งเรื่องกล้อง ประสิทธิภาพ และ AI

ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่สร้างความประทับใจมากที่สุดรุ่นนึงของปี 2024 นี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ได้ทดสอบลองใช้งงาน vivo X200 และ vivo X200 Pro ทั้งสองรุ่น นานเกือบๆ 2 อาทิตย์ ผมให้ความเห็นว่า นี่คือสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพขั้นสูงทั้งเรื่องการถ่ายภาพและสมรรถนะการทำงานระดับท็อป โดยเฉพาะ X200 Pro ที่โดดเด่นด้วยระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ให้ภาพถ่ายที่สวยงามและเป็นธรรมชาติในทุกสภาพแสง

ประสบการณ์การถ่ายภาพถือว่าประทับใจมาก โดยเฉพาะความสามารถในการซูมที่ยังคงรายละเอียดได้ดีเยี่ยม ที่ในระยะ 10x และ 20x คือคมกริบ และในรุ่น X200 Pro ในระยะ 50x ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ ทำให้ระยะการถ่ายภาพที่เก็บได้ไกลขึ้น สามารถให้มิติของภาพและวิดีโอที่แปลกตา สวยงาม แตกต่างจากการใช้มือถือถ่ายด้วยกล้องหลักเพียงอย่างเดียว

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

การถ่ายภาพกลางคืนก็ให้แสงและสีสันสมดุล ไม่สว่างจนเกินจริง คือส่วนที่เป็นเงามืดก็มืดแต่ก็พอมีรายละเอียดให้เห็น และโหมดถ่ายภาพพิเศษต่างๆ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น Super Landscape Mode ที่ช่วยให้ภาพวิวทิวทัศน์ดูน่าประทับใจ หรือ ZEISS Multifocal Portrait ที่ให้ภาพพอร์ตเทรตสวยงามระดับมืออาชีพ

และที่ปรบมือรัวๆๆๆ ให้เลยก็คือโหมด Stage สำหรับการถ่ายงานคอนเสิร์ต ทำได้ดีในระดับที่ไม่คิดว่าสมาร์ตโฟนจะทำได้ ผมได้ลองไปใช้งานถ่ายในคอนเสิร์ตฮอลล์ ที่ระยะห่างจากเวทีประมาณ 10-15 เมตร การซูมในระยะนี้ใช้เพียงแค่ 10x ไม่เกิน 20x ก็เก็บเห็นหน้านักร้องแบบเต็มเฟรมแล้ว

ข้อดีนอกเหนือกจากการซูมคือการจัดการแสงต่างๆ ได้ดีมาก ไม่มีแสงสว่างจนพร่าเบลอ ส่วนที่มืดก็ถูกดึงลงมาจนมืดสนิท และการเก็บภาพถ่ายก็ snap ได้แบบหยุดนิ่ง ช่วยให้เราเก็บโมเมนต์เท่ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ

ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ทำได้ดีมากเช่นกัน แสงสีที่เปลี่ยนไปมา ระบบของกล้องก็จัดการให้ได้สวยชัด ไม่เกิดแสง flare และการสะท้อน รวมถึงตัวระบบไมโครโฟนเพื่อการบันทึกเสียงก็เก็บเสียงได้ดีด้วยเช่นกัน

สามารถดูคลิปวิดีโอตัวอย่างในโหมด Stage ได้ที่ https://www.facebook.com/reel/1085413623122128

เชื่อเลยว่าสายคอนเสิร์ตจะต้องชอบกับโหมด Stage ของ X200 Pro ด้วยประสิทธิภาพที่ซูมได้ชัดมากๆ ซึ่งระยะหวังผลทำได้ถึงระดับ 50x ก็ยังชัด ต่อให้ได้บัตร 500 บาทนั่งอยู่บนดอยก็ยังซูมมาถ่ายบนเวทีได้ชัดเจน

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 ทำได้ดียิ่งกว่ารุ่นก่อน ทั้งเรื่องของความเร็วและเสถียร แม้จะเปิดแอพพลิเคชั่นหลายตัวพร้อมกัน หรือเล่นเกมที่ต้องการทรัพยากรสูง ตัวเครื่องก็ยังทำงานได้ลื่นไหลและไม่ร้อนจนเกินไป ส่วนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ AI ที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี

สำหรับการเล่นเกม สามารถเลือกปรับ Boost ค่าเฟรมเรตให้สูงขึ้นได้ด้วย จากที่ทดสอบกับเกม Genshin Impact สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 90fps และ PUBG Mobile สามารถเล่นได้ถึง 120fps ทำให้เล่นเกมได้ภาพที่ลื่นตาแตกยิ่งขึ้น

แบตเตอรี่ถือเป็นอีกจุดเด่นที่ทำได้ดีมาก ด้วยความจุขนาดใหญ่ขึ้นแต่ตัวเครื่องไม่ได้หนาเทอะทะ และภายในมีการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน แม้จะใช้งานหนักด้วยการถ่ายภาพและวิดีโอ เล่นเกม หรือดูคอนเทนต์ออนไลน์ และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด การชาร์จเร็ว 90W ก็ช่วยให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีชาร์จไร้สายให้ใช้ได้ดวย

ในส่วนข้อจำกัดนั้นก็พอมีอยู่บ้าง อย่างแรกคือตัวเครื่องที่เป็นระดับเรือธงจึงไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้ ดังนั้นถ้าคุณต้องการใช้งานหนักเต็มที่ ถ่ายวิดีโอ 4K ความจุ 256GB นั้นบอกเลยว่าไม่พอใช้ แนะนำให้เลือกเป็น 512GB ไปเลย

ต่อมาเป็นส่วนของการออกแบบที่โมดูลกล้องนั้นค่อนข้างใหญ่ คือใหญ่เกือบเท่ากับความกว้างของตัวเครื่อง และนูนออกมาพอสมควรในรุ่น X200 Pro ทำให้ความสมดุลน้ำหนักเครื่องโดนถ่วงไปทางฝั่งบนเครื่องพอสมควร และสำหรับคนซุ่มซ่ามก็อาจจะต้องระวังตัวกรอบกระจกของเลนส์กล้องที่เป็นแบบครอบแผนเดียว ไม่ได้แยกเป็นวงๆ ที่หากตกกระแทกอาจจะแตกหรือเป็นรอยได้

ซื้อรุ่นไหนดี? X200 vs X200 Pro

รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน

สิ่งแรกที่ต้องรู้สำหรับสองรุ่นนี้ก็คือราคา กับ X200 เปิดตัวที่ 29,999 บาท และ X200 Pro ราคา 39,999 บาท ต่างกัน 1 หมื่นบาท เชื่อว่าก็คงมีคนลังเลใจอยู่บ้างว่าจะเล่นแค่รุ่นเริ่มต้น หรือจะไปรุ่นโปรเลยดี เอาละ เราจะมาแนะนำกันสั้นๆ

สำหรับผู้ที่กำลังเลือกระหว่าง vivo X200 และ X200 Pro ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การใช้งานและงบประมาณ โดย X200 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานที่ครบครัน ทั้งชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 หน้าจอ ZEISS Master Color ระบบกล้องที่มาพร้อม VCS True Color Main Camera และแบตเตอรี่ขนาด 5800mAh พร้อมการชาร์จเร็ว 90W ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดี

ส่วน X200 Pro เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถขั้นสูงสุด โดยเฉพาะด้านการถ่ายภาพ ด้วยกล้อง ZEISS True Color Main Camera ที่ใช้เซนเซอร์ vivo x Sony LYT-818 และกล้องซูม 200MP ZEISS APO Telephoto ที่ให้ภาพระยะไกลคมชัดกว่า นอกจากนี้ยังมีชิป vivo V3+ เสริมประสิทธิภาพการประมวลผลภาพ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6000mAh พร้อมการชาร์จไร้สาย 30W และกระจก Armor Glass ที่ทนทานกว่า แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพและฟีเจอร์ระดับสูงสุด โดยเฉพาะนักถ่ายภาพและผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมที่ครบเครื่องที่สุด

และถ้าถามผมว่าเลือกรุ่นไหน ก็แน่นอนครับ ดีแบบนี้ก็ไปให้มันสุดๆ ที่ X200 Pro ไปเลย ได้ครบในเรื่องการถ่ายภาพและวิดีโอ และการใช้งานที่ดีรอบด้าน

สุดท้ายก่อนจบ รีวิว vivo X200 Series ที่คาดว่าน่าจะเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นสุดท้ายที่เข้ามาเปิดตัวในไทยในปี 2024 นี้ ต้องบอกเลยว่ามาหลังสุดแต่ว่าจี้ดสุด โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่ดีขึ้นในระดับที่เราคิดว่า ใช้พกเอาไว้เวลาไปท่องเที่ยว ไปต่างประเทศ คุณเก็บกล้องโปรตัวใหญ่ๆ เอาไว้ที่บ้าน และพกแค่ vivo X200 Series ติดตัวไปก็พร้อมเก็บภาพในทุกโมเม้นต์ได้อย่างที่ต้องการแน่นอน


รีวิว vivo X200 Series ราคา โปรโมชัน
  1. vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง (มูลค่า 10,999.-)
  2. Premium Case (มูลค่า 890.-)
  3. โปรเก่าแลกใหม่ รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินสูงสุด 8,000.-

เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สรุปสเปค vivo X200 และ X200 Pro

  • เทคโนโลยีหน้าจอ ZEISS Master Color
  • รองรับ HDR10+, Netflix HDR และ Dolby Vision
  • ระบบป้องกันแสงสีฟ้า Full Range Luminance 2160Hz PWM Dimming
  • เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silicon Anode รุ่นที่ 3 และ Semi-Solid
  • ทำงานได้ในอุณหภูมิต่ำถึง -20°C
  • ระบบ AI: Gemini Assistant, Circle to Search, AI Note Assist, AI Transcript Assist และ AI Erase
  • เทคโนโลยีการเคลือบเลนส์ ZEISS T* Coating

vivo X200

  • หน้าจอ: Micro Quad Curved Screen ขนาด 6.67 นิ้ว, รีเฟรชเรต 120Hz, ความสว่างสูงสุด 4,500 nits
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9400 (3nm)
  • กล้องหลัก:
    • VCS True Color Main Camera (เซนเซอร์ IMX921)
    • ZEISS Telephoto Camera (เซนเซอร์ IMX882)
    • Ultra Wide-Angle Camera 50MP มุมกว้าง 119 องศา
  • แบตเตอรี่: 5,800mAh, ชาร์จเร็ว 90W FlashCharge
  • ระบบปฏิบัติการ: Funtouch OS 15 บน Android 15
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น: IP68 และ IP69
  • สี: Midnight Black (ดำ), Aurora Green (เขียว), Ocean Blue (น้ำเงิน)
  • ความบาง: 7.99 มิลลิเมตร

vivo X200 Pro

  • หน้าจอ: Micro Quad Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว, รีเฟรชเรต 120Hz, ความสว่างสูงสุด 4,500 nits
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 9400 (3nm) + vivo V3+ Imaging Chip
  • กล้องหลัก:
    • ZEISS True Color Main Camera (เซนเซอร์ vivo x Sony LYT-818)
    • 200MP ZEISS APO Telephoto Camera (เซนเซอร์ HP9)
    • Ultra Wide-Angle Camera 50MP มุมกว้าง 119 องศา
  • แบตเตอรี่: 6,000mAh, ชาร์จเร็ว 90W FlashCharge + 30W Wireless FlashCharge
  • ระบบปฏิบัติการ: Funtouch OS 15 บน Android 15
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น: IP68 และ IP69
  • สี: Midnight Black (ดำ), Titanium Grey (เทา)
  • ความบาง: 8.20 มิลลิเมตร (สีดำ), 8.49 มิลลิเมตร (สีเทา)
  • กระจก Armor Glass ทนทานกว่ารุ่นก่อน 11 เท่า

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.