NVIDIA ผู้ผลิตชิปกราฟิกยักษ์ใหญ่และผู้นำในอุตสาหกรรม AI กำลังเผชิญการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีน ในข้อกล่าวหาการละเมิดกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ตามรายงานของ The New York Times ประเด็นสำคัญคือการเข้าซื้อกิจการ Mellanox Technologies บริษัทด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ NVIDIA ได้เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2020
ตามเงื่อนไขของการเข้าซื้อกิจการครั้งนั้น หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำหนดให้ NVIDIA ต้อง “เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Mellanox แก่คู่แข่งภายใน 90 วัน หลังจากที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นพร้อมใช้งานสำหรับ NVIDIA” ตามรายงานของ Bloomberg ทำให้ สำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีน (State Administration for Market Regulation) เริ่มการสอบสวนเนื่องจากเชื่อว่ามีการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ NVIDIA ถูกสอบสวนในประเด็นการผูกขาดทางการค้า โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เริ่มการสอบสวนการต่อต้านการผูกขาดของ NVIDIA ในเดือนกันยายน 2024 แต่การสอบสวนครั้งนี้มีความแตกต่างเนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงระหว่างสหรัฐฯ และจีน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการจำกัดการส่งออกและคว่ำบาตรบริษัทจีน 140 แห่งที่ผลิตเครื่องมือผลิตชิป รวมถึง “การจัดส่งชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงไปยังจีน” เป้าหมายชัดเจนคือการจำกัดความสามารถของจีนในการพัฒนา AI ขั้นสูง โดยการป้องกันไม่ให้จีนสร้างชิปประเภทที่ใช้ในการฝึกฝนและรันระบบ AI
การต่อสู้นี้เป็นไปในทั้งสองทิศทาง จีนได้ตอบโต้ด้วยการห้ามการส่งออกแร่แกลเลียม เจอร์เมเนียม และแอนติโมนีทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ การคุกคาม NVIDIA มีเหตุผลในหลายด้าน GPU รุ่น H100 ของบริษัทถูกใช้ในการฝึกฝนโมเดล AI แบบ generative ส่วนใหญ่ที่ใช้งานในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าแนวโน้มนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะมีการประกาศชิป Blackwell ของ NVIDIA เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
สถานการณ์นี้ทำให้ NVIDIA กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกท่ามกลางกระแสการเก็งกำไรด้านAI และเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการกำกับดูแลของรัฐบาล นอกจากนี้ Bloomberg รายงานว่า NVIDIA มีรายได้จากจีนประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร NVIDIA ดูเหมือนจะเป็นขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผลในการยกระดับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก Engadget
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok