ไมโครซอฟท์ เผยผลสำรวจพบว่า 60% ขององค์กรทั่วโลกเตรียมนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 2 ปี โดย นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ชี้ AI จะก้าวกระโดดและเปลี่ยนโลกธุรกิจในปี 2568 พร้อมเผย 5 เทรนด์ สำคัญที่องค์กรต้องเตรียมพร้อม
ปี 2567 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำ AI มาใช้ขับเคลื่อนองค์กรและชีวิตประจำวัน โดยในปี 2568 AI จะยิ่งได้รับการพัฒนาให้ฉลาดและทำงานได้หลากหลายมากขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ
จากรายงานของ IDC ในปี 2567 พบว่า 60% ขององค์กรทั่วโลกวางแผนนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 2 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 46% ในปี 2566 โดยอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ AI ที่มีต่อการพัฒนาบริการและการดำเนินธุรกิจในอนาคต
AI ก้าวกระโดดด้วยพลังของ Scaling Laws
การพัฒนา AI จะเติบโตแบบทวีคูณในทุกครึ่งปี ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นและเทคนิคใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับข้อมูลและอัลกอริทึม ทำให้องค์กรต้องเร่งปรับตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ในช่วงเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีที่ผ่านมา AI ได้พัฒนาขีดความสามารถอย่างก้าวกระโดด สามารถเข้าใจการสื่อสารและทำงานที่ซับซ้อนได้เสมือนมนุษย์
นายธนวัฒน์กล่าวว่า “วันนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการปฏิวัติทางด้านเทคโนโลยี เทคโนโลยี Gen AI เพิ่งเริ่มต้น จึงเป็นโอกาสของทุกคน ทุกบริษัท และทุกประเทศ ที่จะได้ใช้งาน AI อย่างเท่าเทียมกัน ด้วยต้นทุนที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย”
Agentic World เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรด้วย AI Agent
AI Agent จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ช่วยแบ่งเบางานประจำ เพื่อให้พนักงานมุ่งเน้นงานที่สร้างมูลค่าสูงขึ้น ในอนาคตเราจะเห็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI อย่างแพร่หลาย โดย AI Agent จะช่วยสนับสนุนการค้นหาข้อมูล เข้าถึงองค์ความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI Agent ในภาคธุรกิจธนาคาร สามารถช่วยในกระบวนการตรวจสอบเครดิตลูกค้า โดย AI จะทำหน้าที่ตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร ความถูกต้องของข้อมูล และแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Multimodal AI สร้างนวัตกรรมจากข้อมูลทุกรูปแบบ
AI จะสามารถประมวลผลและบูรณาการข้อมูลจากหลากหลายสื่อ ทั้งข้อความ รูปภาพ และเสียง ทำให้การสื่อสารเป็นธรรมชาติมากขึ้น ปัจจุบัน Microsoft Copilot สามารถรับคำสั่งได้ทั้งข้อความ เสียงพูดภาษาไทย และรูปภาพ พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Voice Recognition ที่แม่นยำ และ Sora โมเดล AI สำหรับสร้างวิดีโอจากข้อความ
การพัฒนาความสามารถของ Multimodal AI จะเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
Data Security หัวใจสำคัญของการใช้ AI อย่างปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นประเด็นสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยี เนื่องจาก AI สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง ไมโครซอฟท์เสนอ 4 แนวทางในการเตรียมข้อมูลสำหรับการใช้งาน AI ได้แก่ การรู้จักข้อมูล การควบคุมข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการป้องกันการสูญเสียข้อมูล
Microsoft Purview เป็นเครื่องมือที่ช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลแบบเรียลไทม์และควบคุมการปฏิบัติตามข้อกำหนด ทำให้การใช้งาน AI ในองค์กรมีความปลอดภัย มั่นคง และมีประสิทธิภาพสูงสุด
Responsible AI ใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ
ไมโครซอฟท์ได้กำหนดมาตรการ AI Guardrail เพื่อควบคุมการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม มุ่งเน้นความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความปลอดภัย โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าบริการ AI ใหม่ๆ ผ่านเกณฑ์ Responsible AI
มาตรการดังกล่าวครอบคลุมการป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว การใช้เพื่อการก่ออาชญากรรม หรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะถูกใช้งานอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม
“AI ไม่ใช่แค่กระแสของเทคโนโลยี แต่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการพลิกโฉมธุรกิจ ปลดล็อคข้อจำกัดและสร้างขีดความสามารถการแข่งขันใหม่ๆ” นายธนวัฒน์กล่าว “หัวใจสำคัญในการนำ AI เข้าไปใช้งานคือ ผู้บริหารจะต้องให้การสนับสนุน มีการกำหนดกลยุทธ์การใช้ AI ที่ชัดเจน เพิ่มทักษะและจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับพนักงาน รวมถึงมีมาตรการการควบคุม เพื่อให้ใช้ AI ได้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความรับผิดชอบ”
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทรนด์ AI และโซลูชันต่างๆ จาก ไมโครซอฟท์ ได้ที่ www.microsoft.com/th-th
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
