เดลล์ เทคโนโลยีส์ จัดงาน Prediction 2025 เปิดมุมมองแนวโน้มเทคโนโลยีในปี 2025 โดยเฉพาะการพัฒนาด้าน AI ที่จะเปลี่ยนจากระบบที่รอรับคำสั่ง สู่ระบบอัตโนมัติที่ทำงานได้ด้วยตนเอง พร้อมผลักดันแนวคิด Sovereign AI เพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ในท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการใช้งาน AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
จอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีร่วมกับ ปีเตอร์ มาร์ส ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ผ่านงานออนไลน์สำหรับสื่อมวลชนในภูมิภาค โดยเน้นย้ำว่าทุกเทคโนโลยีในปัจจุบันล้วนเชื่อมโยงกับระบบนิเวศ AI ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
Agentic AI: ปฏิวัติการทำงานระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์
การพัฒนาของ Generative AI นำไปสู่การเกิดขึ้นของ Agentic AI ซึ่งเป็น AI อัจฉริยะที่สามารถทำงานซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ สื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ และทำงานร่วมกับทั้งมนุษย์และ AI อื่นๆ ได้อย่างราบรื่น โดย Agentic AI จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและทักษะที่หลากหลาย ซึ่งจะปฏิวัติกระบวนการทำงานในหลายอุตสาหกรรม
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นมีการลงทุนด้าน AI อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสูงถึง 110 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 สะท้อนให้เห็นจากการขยายตัวของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ที่พร้อมรองรับ AI ทั่วทั้งภูมิภาค ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของระบบ Agentic AI จะนำไปสู่การพัฒนาชุดเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย
กลยุทธ์การขยาย AI ในองค์กร
องค์กรต่างๆ กำลังปรับตัวเพื่อขยายการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดตั้งคณะกรรมการด้าน AI โดยเฉพาะที่นำโดยประธานเจ้าหน้าที่ด้าน AI หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ และมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่จับต้องได้ แนวทางที่เน้นการปฏิบัติได้จริงนี้สะท้อนให้เห็นอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นของโครงการนำร่อง GenAI
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ระดับความพร้อมด้าน AI มีความแตกต่างกันมาก บางองค์กรมุ่งเน้นการขยายระบบ AI ที่มีอยู่แล้ว ขณะที่หลายองค์กรยังคงจัดการกับความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และบริการ ภาคการเงินเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำ AI มาใช้ในระดับก้าวหน้า ทั้งในการตรวจจับการฉ้อโกงและการให้บริการลูกค้าผ่านมนุษย์ดิจิทัล ขณะที่ภาคสุขภาพบางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเครื่องมือวินิจฉัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI
Sovereign AI: สร้างนวัตกรรมในท้องถิ่น
แนวคิด Sovereign AI มุ่งเน้นการพัฒนาระบบนิเวศ AI ในท้องถิ่นที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม ภาษา และความต้องการด้านความปลอดภัยของข้อมูล หลายประเทศกำลังสร้างทรัพยากร AI ระดับชาติที่ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยการให้เข้าถึงพลังการประมวลผลและความจุของข้อมูล ขณะที่บางประเทศเลือกสนับสนุนให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบนิเวศ AI ผ่านการออกแบบเชิงรุกร่วมกัน
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ความหลากหลายของกฎระเบียบและความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น กำลังผลักดันให้องค์กรต่างๆ หันมาใช้ AI แบบส่วนตัวและแบบติดตั้งในองค์กรมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในแต่ละประเทศ
การผสานเทคโนโลยี AI กับนวัตกรรมใหม่
การผสานรวม AI กับเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น ควอนตัม คอมพิวติ้ง อินเทลลิเจนท์ เอดจ์ การรักษาความปลอดภัยแบบซีโร่ ทรัสต์ เทคโนโลยี 6G และดิจิทัล ทวิน จะช่วยปลดล็อกนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์วัสดุ การคิดค้นยา และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
การผสานพลังระหว่างควอนตัม คอมพิวติ้ง และ AI จะเป็นตัวพลิกโฉมหลายอุตสาหกรรม โดยให้พลังการประมวลผลที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งการประมวลผลแบบเดิมยังมีข้อจำกัด นอกจากนี้ ยังมีการแพร่หลายของพีซีที่มีการนำ AI มาใช้ และการนำโซลูชัน AI มาใช้ภายในองค์กรเพิ่มมากขึ้น
การพัฒนาทักษะด้าน AI สำหรับบุคลากร
เมื่อ AI สามารถจัดการงานประจำได้มากขึ้น บทบาทของมนุษย์จะพัฒนาไปสู่การคิดเชิงกลยุทธ์และการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ AI กำลังสร้างงานใหม่ในระดับสูง และเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน มีการสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ เช่น นักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักแปลที่เป็น AI และวิศวกรระบบความร้อน
ช่องว่างด้านบุคลากรและทรัพยากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาทักษะด้าน AI อนาคตของ AI จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI รวมถึงระหว่างองค์กรกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี ซึ่งเดลล์ เทคโนโลยีส์ มุ่งมั่นที่จะช่วยธุรกิจในภูมิภาคใช้ประโยชน์จากพลังของ AI และผลักดันอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยความร่วมมืออัจฉริยะ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และการคาดการณ์เทคโนโลยีของเดลล์ได้ที่เว็บไซต์ Dell Technologies
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok