อาลีบาบา คลาวด์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของ อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัว “Alibaba Cloud Partner Rainforest Plan” แผนงานระบบนิเวศพันธมิตรที่เน้น AI ในงาน Alibaba Cloud Partner Summit 2024 ณ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 โดยแผนงานนี้รวมถึงโปรแกรมเร่งการเติบโตด้วย AI และการปรับปรุงกลยุทธ์สำหรับพันธมิตรผู้ให้บริการระดับโลก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการใช้งาน AI รวมถึงโซลูชันคลาวด์ที่ทันสมัยสำหรับธุรกิจทุกภาคส่วน
วิสัยทัศน์ผู้บริหารต่อการพัฒนาระบบนิเวศพันธมิตร
เซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “การร่วมมือกันเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกนวัตกรรมและขับเคลื่อนการเติบโต พันธมิตรของเราไม่เพียงเป็นผู้ร่วมงาน แต่ยังเป็นสถาปนิกที่ร่วมออกแบบภูมิทัศน์ดิจิทัลในยุค AI เรามุ่งมั่นสนับสนุนพันธมิตรทั่วโลกให้ได้รับประโยชน์จากยุค AI และตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก”
โปรแกรมพันธมิตรใหม่เพื่อขับเคลื่อน AI
อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว AI Alliance Accelerator Program โดยตั้งเป้าร่วมงานกับพันธมิตรเทคโนโลยี AI 50 ราย และพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย 50 ราย ในปี 2568 โปรแกรมนี้มอบการสนับสนุนทางเทคนิคขั้นสูงด้าน AI ช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติม และทรัพยากรสำหรับการนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาด พร้อมสิ่งจูงใจทางการเงินและเงินทุนสำหรับโครงการ AI
การพัฒนาระบบพันธมิตรผู้ให้บริการ
บริษัทได้เปิดตัวโปรแกรม Revitalized Service Partner เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพันธมิตรผู้ให้บริการทั่วโลก มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมผ่านการอบรม พร้อมประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรผู้ให้บริการ 18 ราย รวมถึง Whale Cloud, Bespin Global, Cognizant Worldwide, Deloitte, Accenture และ FPT
ความร่วมมือในระดับภูมิภาค
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทได้บรรลุข้อตกลงสำคัญกับพันธมิตรหลายราย:
- อินโดนีเซีย: ร่วมมือกับ Telkom Indonesia พัฒนาโซลูชันคลาวด์ที่รองรับ AI
- ญี่ปุ่น: ร่วมกับ Securai ปรับแต่งบริการ Zstack สำหรับตลาดญี่ปุ่น
- ไทย: ลงนาม MOU กับ Yell Group พัฒนาโซลูชัน Generative AI สำหรับอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการและโซลูชันของอาลีบาบา คลาวด์ได้ที่ www.alibabacloud.com
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok