Adobe ประกาศปรับโครงสร้างราคาบริการใหม่ โดยจะยกเลิกแผน Photography (20GB) สำหรับลูกค้าใหม่ในวันที่ 15 มกราคม 2568 ส่งผลให้ผู้ใช้งานใหม่ต้องเลือกแผน Photography (1TB) ที่มีราคาแพงกว่าเดิมถึง 2 เท่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะกระทบต่อทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่อย่างมีนัยสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงนี้ ยังส่งผลกระทบถึงลูกค้าปัจจุบันที่ใช้แผน Photography (20GB) แบบรายเดือนจะถูกปรับ ขึ้นราคา จาก $9.99 เป็น $14.99 ต่อเดือน (380.92 บาท เป็น 571.38 บาท) แพงขึ้นกว่าเดิมถึง 50%
ในขณะที่ลูกค้าใหม่จะไม่สามารถสมัครแผนนี้ได้อีกต่อไป ต้องเลือกแผน Photography (1TB) ที่มีราคา $19.99 ต่อเดือนหรือ $239.88 ต่อปีเท่านั้น สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าบริการแบบรายปีจะยังคงได้รับราคาเดิมที่ $119.88 ต่อปี
ทางเลือกสำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้แผน Photography (20GB) มี 3 แนวทาง คือ จ่ายค่าบริการรายเดือนในอัตราใหม่ที่ $14.99 เปลี่ยนเป็นแผนรายปีในราคาเดิม $119.88 หรือยกเลิกการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถอัปเกรดเป็นแผน Photography (1TB) ได้หากต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม
สำหรับแผน Lightroom เพียงอย่างเดียว จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ Lightroom Classic เข้ามาในเดือนมกราคม 2568 ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับช่างภาพที่ชื่นชอบการใช้งาน Lightroom Classic โดยค่าบริการรายเดือนจะปรับขึ้นจาก $9.99 เป็น $11.99 แต่ราคารายปียังคงเดิมที่ $119.88 ทำให้การชำระค่าบริการแบบรายปีคุ้มค่ากว่า
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิมค่อนข้างมาก จากเดิมที่สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ที่ประมาณ $120 ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น $240 ต่อปี ทำให้ผู้ที่สนใจใช้งาน Adobe Photoshop และ Lightroom ต้องวางแผนงบประมาณใหม่
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ Photoshop เพียงอย่างเดียว Adobe มีแผนให้เลือกในราคา $22.99 ต่อเดือน (ผูกพันรายปี) หรือ $34.49 ต่อเดือน (ไม่ผูกพันรายปี) แต่ราคานี้ไม่คุ้มค่าเท่ากับการเลือกแผน Photography (1TB) ที่ได้ทั้ง Photoshop และ Lightroom ในราคาที่ถูกกว่า
ผู้ที่สนใจสมัครใช้งานแผน Photography (20GB) ในราคาถูกที่สุด มีเวลาเหลือไม่ถึง 1 เดือนในการตัดสินใจ ก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่ 15 มกราคม 2568 หลังจากนั้นจะเหลือเพียงแผน Photography (1TB) ที่มีราคาสูงขึ้นเป็น 2 เท่า ดังนั้นหากมีแผนจะใช้งานในระยะยาว ควรรีบสมัครก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงราคา
ข้อมูลจาก : PetaPixel
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
