การพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อนักวิจัยค้นพบว่าการใช้ ซิลิคอน แทนที่ กราไฟต์ ในแบตเตอรี่สามารถเพิ่มความจุพลังงานได้มากถึง 2 เท่า ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากรายงานการวิจัยล่าสุดโดย IDTechEx บริษัทวิจัยอิสระชั้นนำด้านเทคโนโลยีใหม่ พบว่านวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มระยะทางการขับขี่ แต่ยังมาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จที่เร็วขึ้น และความปลอดภัยที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบเดิมที่ใช้กราไฟต์ซึ่งมีความจุประมาณ 360 mAh/g การใช้ซิลิคอนเป็นวัสดุขั้วแอโนดสามารถเพิ่มความหนาแน่นพลังงานระดับเซลล์ได้มากกว่า 400 Wh/kg และ 1,000 Wh/l ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับเซลล์แบตเตอรี่เชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยที่สุดในปี 2024
นอกจากความหนาแน่นพลังงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทผู้ผลิตแอโนดซิลิคอนหลายแห่งยังรายงานว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพด้านกำลังไฟและความสามารถในการชาร์จเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานอื่นๆ เช่น เครื่องมือไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า การเพิ่มความจุและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะช่วยลดข้อจำกัดด้านระยะทางที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ซิลิคอนยังสอดคล้องกับแนวโน้มการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เพราะนอกจากจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตแบตเตอรี่ต่อหน่วยพลังงานที่ได้ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์
การพัฒนานี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากแก้ไขข้อจำกัดหลักเรื่องระยะทางการขับขี่ที่ผู้บริโภคกังวล พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกด้วยเวลาชาร์จที่สั้นลง
ข้อมูลจาก: Interesting Engineering
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
