ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ปี 68 คาดเติบโต 14% หนุนด้วยกระแส AI และ GPU

ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ปี 68 คาดเติบโต 14% หนุนด้วยกระแส AI และ GPU

การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก เปิดเผยรายงานการคาดการณ์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกปี 2568 ว่าจะเติบโต 14% คิดเป็นมูลค่ารวม 717 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปี 2567 คาดว่าตลาดจะเติบโตที่ 19% มูลค่า 630 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนี้มีปัจจัยหนุนจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และการฟื้นตัวของภาคการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าความต้องการในภาคยานยนต์และอุตสาหกรรมจะยังคงอ่อนแอ ตามคำกล่าวของ ราจีฟ ราชบุตร นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์

แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

หลังจากที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เผชิญกับภาวะถดถอยในปี 2566 ตลาดได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2567 โดยการเติบโตในระดับเลขสองหลักสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยี AI และการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การฟื้นตัวนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

Memory และ GPU ขับเคลื่อนการเติบโต

ตลาด Memory ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นที่ 20.5% ในปี 2568 มูลค่ารวม 196.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การขาดแคลนอุปทานอย่างต่อเนื่องในปี 2567 ส่งผลให้ราคาหน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้นถึง 60% อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาจะปรับตัวลดลง 3% ในปี 2568 เนื่องจากสถานการณ์อุปทานที่เริ่มคลี่คลาย โดยหน่วยความจำแฟลช NAND จะมีมูลค่า 75.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 12% จากปีก่อน

ในส่วนของชิป DRAM ปัญหาการขาดแคลนอุปทานที่เริ่มคลี่คลายได้ส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานกลับมาสมดุลมากขึ้น การผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงหรือ High-Bandwidth Memory (HBM) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับความต้องการที่สูงขึ้นและราคา DDR5 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์รายได้ชิป DRAM ในปี 2568 จะอยู่ที่ 115.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 90.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567

ผลกระทบ AI ต่อตลาดเซมิคอนดักเตอร์

ความต้องการชิป GPU สำหรับการฝึกฝนและพัฒนาโมเดล AI ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 27% ในปี 2568 มูลค่ารวมสูงถึง 51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์สต์ รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ระบุว่าตลาดกำลังเข้าสู่ระยะที่มุ่งเน้นผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) มากขึ้น โดยองค์กรต่างๆ ต้องการเห็นผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมจากการลงทุนในเทคโนโลยี AI

ชิป HBM กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนา AI โดยผู้ผลิตได้เพิ่มการลงทุนในการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของชิป GPU และชิป AI Accelerator รุ่นใหม่ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่ารายได้ชิป HBM จะเติบโตถึง 70% ในปี 2568 มูลค่า 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 12.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567

แนวโน้มการใช้งาน AI แบบอนุมาน (AI Inference) มีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2569 ชิป HBM กว่า 40% จะถูกนำไปใช้ในการประมวลผล AI แบบอนุมาน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่น้อยกว่า 30% การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการใช้งานการอนุมานที่เพิ่มขึ้นและข้อจำกัดในการนำชิป GPU สำหรับการฝึกฝนมาใช้ใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการใช้งาน AI ที่มุ่งเน้นการนำไปประยุกต์ใช้งานจริงมากขึ้น

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.