วันที่ 14 ตุลาคม 2024 SpaceX ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการอวกาศ เมื่อระบบ Mechazilla สามารถจับ Super Heavy booster ของจรวด Starship ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากการทดสอบปล่อยจรวดครั้งที่ 5 ณ ฐานปล่อยจรวด Starbase ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีจรวดแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจอวกาศ Kate Tice ผู้บรรยายการปล่อยจรวดของ SpaceX กล่าวว่า “นี่คือวันที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้านวิศวกรรม”
ความสำเร็จของ Mechazilla และการพัฒนา Starship
การทดสอบเริ่มต้นเวลา 7:25 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยจุดเครื่องยนต์ Raptor ทั้ง 33 เครื่องของ Super Heavy booster เพื่อส่ง Ship ขึ้นสู่อวกาศ หลังจากนั้น booster ได้แยกตัวออกและใช้เครื่องยนต์ Raptor 13 เครื่องในการนำตัวเองกลับมายัง Starbase
Mechazilla เป็นระบบจับจรวดที่ประกอบด้วยแขนกลขนาดใหญ่สองข้างเรียกว่า “chopsticks” ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งได้เพื่อจับ booster ขณะที่มันลอยตัวอยู่ในอากาศ การใช้ Mechazilla ช่วยเพิ่มความสามารถในการบรรทุกของจรวดและลดเวลาในการเตรียมจรวดสำหรับการปล่อยครั้งต่อไป
ในส่วนของ Ship ได้เดินทางต่อไปในวงโคจรใกล้โลกที่ความสูงประมาณ 200 กิโลเมตร ก่อนที่จะจุดเครื่องยนต์ Raptor อีก 3 เครื่องเพื่อนำตัวเองลงสู่จุดหมายในมหาสมุทรอินเดีย SpaceX ได้ปรับปรุงระบบป้องกันความร้อนของ Ship ให้แข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถทนต่อความร้อนสูงระหว่างการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ดีขึ้น
ผลกระทบต่ออนาคตของการสำรวจอวกาศ
ความสำเร็จของ Starship มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของการสำรวจอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการ Artemis ของ NASA ที่มีเป้าหมายในการส่งมนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ โดย NASA วางแผนที่จะใช้ Starship เป็นยานลงจอดสำหรับภารกิจ Artemis ที่มีลูกเรือ ซึ่งอาจเริ่มขึ้นได้เร็วที่สุดในปี 2026
Bill Nelson ผู้บริหาร NASA ได้แสดงความยินดีผ่านโซเชียลมีเดีย X โดยกล่าวว่า “การทดสอบอย่างต่อเนื่องจะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจที่ท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการเดินทางไปยังบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์และต่อไปยังดาวอังคาร”
นอกจากนี้ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX มีวิสัยทัศน์ในการสร้างเมืองบนดาวอังคารภายในทศวรรษ 2040 โดย Starship เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ความฝันนี้เป็นจริง Musk กล่าวว่า “วันนี้เราได้ก้าวสำคัญสู่การทำให้ชีวิตแบบหลายดาวเคราะห์เป็นจริง”
ขั้นตอนต่อไปและความคาดหวังในอนาคต
SpaceX มีแผนที่จะดำเนินการทดสอบ Starship อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบให้มีความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพมากขึ้น เป้าหมายระยะสั้นคือการทำให้ทั้งระบบสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการจับ Ship ด้วย Mechazilla เช่นเดียวกับที่ทำสำเร็จกับ Super Heavy booster ในครั้งนี้
นอกจากนี้ SpaceX ยังมีแผนที่จะใช้ Starship ในภารกิจเชิงพาณิชย์ เช่น การปล่อยดาวเทียม Starlink และแนวคิดในการใช้ Starship สำหรับการเดินทางแบบจุดต่อจุดบนโลก ซึ่งอาจช่วยลดเวลาในการเดินทางระหว่างทวีปเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ความสำเร็จของ Starship ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญสำหรับ SpaceX เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสำรวจอวกาศของมนุษยชาติ การพัฒนาระบบขนส่งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความถี่ในการเดินทางสู่อวกาศ เปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถสำรวจและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรนอกโลกได้มากขึ้น
ข้อมูลจาก Universetoday
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
