6 ขั้นตอนการพัฒนาธุรกิจใหม่ ร่วมกับการใช้ Ai และ Expertise

ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาธุรกิจใหม่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการความอยู่รอดและเติบโต LiB Consulting บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ได้เผยแพร่แนวทางการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ผสมผสานระหว่างการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความเชี่ยวชาญของมนุษย์ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

กรณีศึกษาการใช้ AI วิเคราะห์ขีดความสามารถการแข่งขันและแนวทางธุรกิจใหม่

LiB Consulting ได้นำเสนอกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ AI ในการวิเคราะห์ขีดความสามารถการแข่งขันและแนวทางธุรกิจใหม่ บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์แห่งหนึ่งต้องการทำธุรกิจใหม่โดยใช้ทรัพยากรเดิมที่มีอยู่ แต่ยังไม่มีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน

LiB Consulting ได้ใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ทรัพยากรของบริษัท โดยเริ่มจากการให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์จุดแข็งต่าง ๆ ของบริษัทก่อน จากนั้นจึงใช้ AI เรียนรู้ขีดความสามารถของบริษัท และนำฐานข้อมูลธุรกิจทั่วโลกมาประมวลผล

ผลลัพธ์ที่ได้คือ AI สามารถผลิตไอเดียธุรกิจใหม่ได้กว่า 10,000 ไอเดีย ในเกือบ 100 อุตสาหกรรม พร้อมทั้งจัดลำดับคะแนนความน่าสนใจ โดยคำนวณจากความเหมาะสมกับธุรกิจ ความต้องการของตลาด และความยากในการเข้าสู่ตลาด

การใช้ AI Support นี้ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการรวบรวมข้อมูลไปได้กว่าครึ่ง โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญของมนุษย์และความสามารถของ AI ในการพัฒนาธุรกิจใหม่

6 ขั้นตอนสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่

  1. การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย องค์กรควรเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ฉากทัศน์ในอนาคต โดยพิจารณาถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร รวมถึงการวิเคราะห์รูปแบบธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น การสร้างความเข้าใจร่วมกันและกำหนดขอบเขตความสนใจเป็นสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้
  2. การสำรวจความท้าทายของตลาด/ธุรกิจในปัจจุบัน ขั้นตอนนี้แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การวิเคราะห์สภาวะภาพรวมตลาด การระบุปัญหาสำคัญ และการประเมินความเสียหายจากปัญหาและฉากทัศน์ที่อาจเกิดขึ้น การผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญของมนุษย์และความสามารถของ AI จะช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
  3. การค้นหาโซลูชันที่จำเป็น ผู้ประกอบการควรทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อรวบรวมและเปรียบเทียบข้อมูลมาตรฐานทางธุรกิจของอุตสาหกรรมใหม่และบริษัทคู่แข่ง เพื่อสร้าง “แคปซูลมูลค่า” (Value Capsule) ที่จะช่วยให้บริษัทสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  4. การสร้างสมมติฐานโมเดลธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญจะทำการค้นหาขอบเขตธุรกิจในระยะยาว และจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อสร้างตัวชี้วัดความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Business Feasibility Indicators) ที่แม่นยำ
  5. การวางแผนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจตามสมมติฐาน พิจารณาผลลัพธ์ 3 ด้านหลัก ได้แก่ ผลตอบแทนจริง (Return) ความเสี่ยงของธุรกิจ (Risk) และผลกระทบที่สำคัญต่อองค์กร (Impact) เพื่อสร้างแผนโมเดลธุรกิจ (Business Model Canvas) และกรอบการทำงานของโครงสร้างธุรกิจในสถานะพิมพ์เขียว
  6. การดำเนินงานตามแผนและการประเมินผล หลังจากการลงทุนและพัฒนาธุรกิจตามแผนที่กำหนดไว้ ผู้ประกอบการยังต้องทำการประเมินผลและแก้ไขโมเดลธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์สภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

LiB Consulting ยังเน้นย้ำว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ผู้ประกอบการควรได้รับมุมมองที่หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการใช้ AI มาพิจารณาประกอบกัน เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ทั้งหมด และเลือกแข่งขันในสนามที่บริษัทมีข้อได้เปรียบเท่านั้น

การพัฒนาธุรกิจใหม่ไม่ใช่เพียงการค้นหาไอเดียแล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นแบบสำเร็จรูป แต่ต้องอาศัยกระบวนการศึกษาอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญและเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด การผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญของมนุษย์และความสามารถของ AI จะช่วยให้การพัฒนาธุรกิจใหม่เกิดขึ้นได้จริง และสามารถแข่งขันในโลกธุรกิจได้ในระยะยาว

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.