Dyson Zone หูฟังพร้อมระบบ กรองอากาศ รุ่นแรกของโลก คุณภาพเสียงดีพร้อมอากาศบริสุทธิ์

นอกจากไดร์เป่าผม เครื่องดูดฝุ่น พัดลม และเครื่องฟอกอากาศจะได้รับความนิยมอย่างสูงแล้ว ล่าสุด Dyson ได้เปิดตัว “Dyson Zone” ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นเครื่อง กรองอากาศ แบบสวมใส่เครื่องแรกจากแบรนด์ Dyson ที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยดักจับมลพิษ พวกก๊าซ สารก่อภูมิแพ้ และฝุ่นละออง ที่เป็นหูฟังบลูทูธที่มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนในตัว ให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งคุณภาพเสียงและอากาศบริสุทธิ์

Dyson Zone
Jake Dyson หัวหน้าวิศวกรของ Dyson

นี่ถือเป็นก้าวแรกของ Dyson ที่พัฒนาอุปกรณ์แบบสวมใส่ โดย Dyson Zone เป็นหูฟังแบบครอบหูที่คุณภาพเสียงดี มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน พร้อมระบบ กรองอากาศ ที่ไหลเวียนไปยังจมูกและปาก ซึ่ง Dyson ใช้เวลาค้นคว้า วิจัย และพัฒนาด้านคุณภาพอากาศกว่า 10 ปี เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมืองที่ประสบปัญหาทั้งมลพิษทางอากาศและมลภาวะทางเสียง

Dyson Zone สามารถกรองอากาศได้แม้กระทั่งในขณะผู้สวมใส่เคลื่อนที่ พร้อมส่งอากาศบริสุทธิ์ด้วยตัวกรองคุณภาพสูงและแอร์ปั๊มขนาดเล็ก 2 เครื่อง โดยมีคอมเพรสเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่ครอบหูทั้ง 2 ข้างจะนำอากาศจากภายนอกเข้าผ่านตัวกรอง 2 ชั้นและส่งอากาศบริสุทธิ์สู่จมูกและปากของผู้สวมใส่ผ่านหน้ากากแบบไม่สัมผัสกับใบหน้า การออกแบบช่องอากาศทำให้มั่นใจได้ว่าการไหลของกระแสอากาศบริสุทธ์จะอยู่บริเวณจมูกและปากเท่านั้นและทำให้เกิดการไหลย้อนกลับของอากาศจากภายนอกน้อยที่สุด

Dyson Zone

เรื่องคุณภาพเสียงนั้น Dyson Zone ให้คุณภาพเสียงแบบเต็มอิ่มและช่วยบรรเทามลภาวะทางเสียงภายในเมืองด้วยเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง Active Noise Cancellation (ANC) รวมถึงลดการผิดเพี้ยนและการตอบสนองความถี่ในย่าน Neutral frequency response เพื่อที่ให้เสียงในรูปแบบที่ตรงตามต้นฉบับของศิลปินมากที่สุด

บริษัทใช้เวลาพัฒนา Dyson Zone กว่า 6 ปีโดยมีจุดเริ่มต้นจากเครื่องครอบจมูกและปากที่เชื่อมกับเครื่องกรองอากาศในรูปแบบกระเป๋าสะพาย โดยในระหว่างการพัฒนามีเครื่องต้นแบบที่ถูกสร้างขึ้นกว่า 500 ชิ้นและเกิดการเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็น Dyson Zone ในที่สุด

Dyson Zone
Frank หุ่นทดสอบที่ Dyson ใช้จำลองการไหลเวียนของอากาศสู่ปอด

สำหรับการทดสอบการไหลเวียนของอากาศนั้น ทีมวิศวกรของ Dyson ได้ใช้หุ่นจำลองการหายใจที่ติดตั้งปอดจำลองที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์และเซนเซอร์ เพื่อจำลองการหายใจของมนุษย์ในห้องควบคุม และตรวจวัดค่ามลภาวะในจมูกและลำคอเพื่อทดสอบความสามารถในการกรองอากาศที่สุดท้ายจะเข้าสู่ของปอดจำลองของหุ่นทดสอบที่ชื่อ Frank

นับเป็นก้าวแรกที่ Dyson ก้าวเข้าสู่โลกของเครื่องเสียง โดยทีมวิศวกรเครื่องเสียงและผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ Dyson ต้องการสร้างเครื่องเสียงที่ขับเคลื่อนโดยผลการทดลองที่เกิดจากการทดลองซ้ำๆ ผลที่ได้คือเครื่องเสียงที่ให้เสียงได้อย่างสมบูรณ์และชัดเจน พร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน ทั้งนี้ ทีมวิศวกรของ Dyson ได้พัฒนาระบบ Neodymium Electroacoustic ประสิทธิภาพสูงไว้ในหูฟังทั้งสองข้าง ด้วยการตอบสนองความถี่ที่กว้าง ความสมดุลของเสียงทั้งซ้าย-ขวา และการผิดเพี้ยนของเสียงที่น้อยมากจนมนุษย์ไม่สามารถฟังออกได้ ทำให้สามารถนำเสนอประสบการณ์เสียงแบบที่ตรงกับความตั้งใจของศิลปินมากที่สุด นอกจากนี้ ที่ครอบหูยังประกอบไปด้วยโฟมแน่นคุณภาพสูงและที่ครอบหัวที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้รู้สึกสบายขณะใส่แต่ก็แน่นเพียงพอที่จะลดเสียงจากภายนอก

แน่นอนว่ารูปทรงศีรษะของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ทีมวิศวกรของ Dyson จึงต้องคิดเกี่ยวกับความสบายในการสวมใส่จากการค้นคว้าวิจัยเชิงลึกเรื่องรูปทรงของศีรษะและใบหน้าทำให้ทีมวิศวกรสามารถออกแบบ Dyson Zone ให้ทำงานได้อย่างดีในทุกๆ รูปทรงของหน้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องแรงกดของที่ครอบหัว วัสดุที่ใช้ในหน้ากาก การปรับขนาดของอุปกรณ์และในมิติอื่นๆ เกี่ยวกับการใส่หูฟังที่สบายที่สุด

Dyson Zone

ในส่วนของการออกแบบที่ครอบหู มี 3 ปัจจัยสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ ความสบาย ความมั่นคง และการลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งแน่นอนว่าวัสดุในการทำที่ครอบหูนั่นก็คือโฟม แต่ทีมวิศวกรได้ลงลึกไปในส่วนประกอบของโฟมแต่ละชนิดเพื่อเสาะหาชนิดที่เหมาะที่สุดในการทำที่ครอบหูโดยวัดจากความแน่นของโฟม อัตราการอัดแน่น และการคืนตัวของโฟม ซึ่งทั้งหมดนี้เองจะส่งผลถึงแรงกดไปสู่ศีรษะ โดยในการเลือกโฟมที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในที่ครอบหูจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้สมดุลกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสวมใส่ที่สบาย ความแน่นขณะครอบหู และที่สำคัญที่สุดคือจะช่วยในด้านของเสียงได้อย่างไร การเพิ่มพื้นที่สัมผัสของโฟมครอบหูเป็นการทำให้แนบสนิทมากขึ้น เพื่อลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่า โดยโฟมที่ใช้ในการผลิต Dyson Zone นั้นถูกตั้งใจออกแบบมาให้แบนแนบไปกับผิวสัมผัสมากกว่าหูฟังแบบเดิมเพื่อความสบายและการลดเสียงรวมถึงการจัดองศาให้ตรงกับหูเพื่อความสบายขั้นสุด

หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone เป็นความร่วมมือด้านการออกแบบโดยทีมวิศวกรจากหลายภูมิภาค ทั้งสหราชอาณาจักร สิงค์โปร์ มาเลเซีย และจีน โดยฐานหลักในการพัฒนาซอฟต์แวร์อยู่ที่สำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone ถูกทดสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ทดสอบในห้องควบคุมอุณหภูมิ ทดสอบการตก ทดสอบความทนทานของวัสดุ ความแข็งแรงของปุ่มกด และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบที่สำนักงาน Dyson Malaysia Development Centre ในประเทศมาเลเซียมีส่วนสำคัญในการทดสอบการใช้งานในประเทศเขตร้อนชื้นเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากการทดสอบในประเทศอังกฤษ

โหมดตัดเสียงรบกวนแบ่งออกเป็น 3 โหมด

  1. โหมด Isolation ที่ตัดเสียงรบกวนระดับสูงสุดเพื่อการฟังเพลงแบบเต็มอิ่มไร้การรบกวน หรือเวลาที่ต้องการโฟกัสกับงานตรงหน้า
  2. โหมด Conversation จะเปิดโหมดนี้อัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เลื่อนหน้ากากลง ปิดการทำงานของเครื่องกรองอากาศอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แบตเตอรี่
  3. โหมด Transparency โหมดนี้ออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว โดยการเพิ่มเสียงที่มีความสำคัญ เช่น ไซเรนเสียงรถพยาบาล หรือประกาศต่างๆ

โหมดกรองอากาศแบ่งออกเป็น 4 โหมด

  1. low
  2. medium
  3. high และ
  4. auto

โดยแต่ละโหมดจะตอบสนองการหายใจในแต่ละรูปแบบที่เกิดจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

การใช้งานแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ

  1. หากต้องการใช้งานทั้งเครื่องฟอกอากาศและหูฟัง ผู้ใช้ต้องสวมหน้ากากไว้
  2. ผู้ใช้สามารถใช้หูฟังอย่างเดียวได้ โดยสามารถขยับหน้ากากได้
  3. กรณีสวมที่ปิดปากและจมูกในที่สาธารณะ ภายในกล่องมีอุปกรณ์ที่ใช้ปิดปากและจมูกมาให้
  4. ในกรณีที่ต้องสวมหน้ากากแบบมาตรฐาน FFP2 ในที่สาธารณะ ภายในกล่องมีอุปกรณ์ที่ปิดปากและจมูกตามาตรฐาน FFP2 มาให้

หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 นี้ โดยช่วงเวลาจะแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค อดใจรอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แบบละเอียดและรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้

ที่มา : Dyson | ข่าวประชาสัมพันธ์