Siemens

โครงการ โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

กฟผ. ใช้ซอฟต์แวร์โซลูชันของซีเมนส์ในโครงการ โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 45 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำขนาด 36 เมกะวัตต์

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินหน้านโยบายการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ นำระบบ SICAM Microgrid Control และPhotovoltaic Plant Control ของซีเมนส์ มาใช้ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนสิรินธรจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโครงการที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ขนาด 45 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 36 เมกะวัตต์ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ล่าสุดได้เริ่มดำเนินการจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว

ระบบนิเวศพลังงานในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยนวัตกรรมเทคโนโลยีจะพลิกโฉมรูปแบบการบริหารจัดการพลังงานไปอย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยได้เดินหน้าการผลิตไฟฟ้าด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นโดยนำเทคโนโลยีผสมผสานมาใช้เพื่อตอบโจทย์ Decarbonization,  Decentralization, Digitalization และ Smart Electrification เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานไฟฟ้าในบริบทใหม่ที่ยังต้องให้ความเสถียรและความมั่นคงทางพลังงานท่ามกลางการความเปลี่ยนแปลงรอบด้านทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “กฟผ. มุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าของประเทศให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยบริหารจัดการ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในอนาคตตามแผนพลังงานแห่งชาติ”

“ทั้งนี้ กฟผ. ยังเตรียมพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. อีกหลายแห่งทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมกำลังผลิตทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ รวมทั้งอยู่ในช่วงพิจารณาศักยภาพเพิ่มเติมอีกกว่า 5,000 เมกะวัตต์ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของ กฟผ.ในการก้าวเข้าสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างแท้จริงในอนาคต” นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ซีเมนส์ ติดตั้งและทดสอบระบบควบคุม Microgrid Controller ซึ่งทำงานร่วมกับ Photovoltaic Plant Control ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรซึ่งเริ่มจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เมื่อ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้ทดสอบและเปิดใช้งานระบบควบคุมดังกล่าวเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ยังได้เสริมซอฟต์แวร์บนคลาวด์ Distributed Energy Optimization (DEOP) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลข้อมูลการจ่ายไฟผ่านระบบไฮบริดแบบเรียลไทม์บนแดชบอร์ด

โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

นางสุวรรณี สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรกับ กฟผ. นับเป็นความภาคภูมิใจของซีเมนส์ ด้วยความเป็นผู้นำและประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะระดับโลกและความมุ่งมั่นกับพันธกิจลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2030   ซีเมนส์มีความเชื่อมั่นว่า จะสามารถช่วยสนับสนุน กฟผ. ในการบริหาร จัดการไฟฟ้าที่ผลิตจากสองแหล่งที่มาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งในเรื่องการลดก๊าซคาร์บอนฯ และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดให้กับประเทศ ชุมชน และประชาชนทั่วไป”

“ระบบ Microgrid Control, Photovoltaic Plant Control และDEOP ของซีเมนส์ทำงานร่วมกันในการส่งข้อมูลและตอบสนองต่อคำสั่งการของศูนย์ควบคุม กฟผ. แบบเรียลไทม์ ข้อมูลจะถูกนำไปประมวลผลวิเคราะห์และหาแนวทางการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างเหมาะสม อาทิ ผสานการผลิตไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ร่วมกันได้อย่างสมดุล เช่น ระหว่างพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนที่ได้จากโซลาร์เซลล์ลอยน้ำและพลังงานไฟฟ้าจากพลังน้ำจากเขื่อน  เพื่อทำให้ระบบไฟฟ้ามีความเสถียรรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภคจำนวนมาก” นางสุวรรณี กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่นำระบบ Microgrid Control, Photovoltaic Plant Control และ DEOP มาปรับใช้ ด้วยประสิทธิภาพในการควบคุมและซอฟต์แวร์บนคลาวด์ DEOP จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้แดชบอร์ดเพื่อตรวจสอบพารามิเตอร์ที่สำคัญๆ ได้ อาทิ สถานะการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า กำลังการผลิตไฟฟ้า ค่าวัดสภาพอากาศ และค่าพยากรณ์กำลังการผลิตที่โรงไฟฟ้ามีอยู่ โดยโซลูชันเหล่านี้ตอบสนองแนวคิดของ กฟผ. ทั้งในด้านการจัดการ คาดการณ์ และรับมือกับการจ่ายไฟฟ้าปริมาณมหาศาลในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ