AIS

AIS เผย เทรนด์เทคโนโลยี 2022 ชี้ “ดิจิทัล” คือเครื่องยนต์อัจฉริยะของการขับเคลื่อนโลกอนาคต

AIS ฉายภาพ เทรนด์เทคโนโลยี 2022 ชี้ “ดิจิทัล” คือเครื่องยนต์อัจฉริยะของการขับเคลื่อนโลกอนาคต ครอบคลุมทุกมิติ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งภาคธุรกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

AIS โดย AIS NEXT เผยข้อมูลสำคัญด้าน เทรนด์เทคโนโลยี ดิจิทัลและโครงข่ายอัจฉริยะที่ต้องจับตามอง  ก่อนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงกับภาคส่วนต่างๆ ใน ปี 2022 โดยชี้ให้เห็นถึง 6 ปรากฎการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้น และคาดว่าจะส่งผลทั้งในภาคธุรกิจ เพื่อการแข่งขันภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือแม้แต่การยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคให้สอดรับกับยุคของโลกเสมือนแบบ Metaverse  รวมถึงการสร้างแนวทางใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทต่อนโยบายที่จะช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม AIS “ในปี 2021 ที่ผ่านมา เรายังคงเผชิญอยู่กับวิกฤตของโรคระบาด COVID-19 ตลอดทั้งปี ทำให้ได้บทเรียนจากสถานการณ์นี้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทั้งข้อจำกัดในการทำงาน เราได้เห็นในสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีก 5-10 ปี และความท้าทายอีกมากมาย แน่นอนว่าในปี 2022 ยังมีหลายปัจจัยที่สร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในฐานะผู้นำด้านผู้ให้บริการโครงข่าย และผู้ให้บริการด้านดิจิทัลชั้นนำของไทย ทำให้เราเห็นโอกาสภายใต้การเติบโตบนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่หลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้จะเกิดความเข้มข้นในการผลักดันดิจิทัลเทคโนโลยีสู่การทำงานที่ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น จากเครื่องยนต์ด้านดิจิทัลอัจฉริยะที่จะถูกใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตตั้งแต่ภาพใหญ่ระดับนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม จนถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

AIS เทรนด์เทคโนโลยี 2022

AIS จึงชี้ให้เห็นถึง 6 ประเด็นสำคัญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 ที่ทุกองค์กรต้องจับตามองดังนี้

1.ความสมบูรณ์พรั่งพร้อมของเทคโนโลยี – Abundance of Technology and Platform Companies

หลายปีที่ผ่านมาองค์กรต่างๆ เรียนรู้การนำ Digitalization เข้าไปปรับใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดประสบการณ์ที่ดีไร้รอยต่อ ตั้งแต่กิจกรรมส่งเสริมการตลาด การขาย บริการหลังการขายทั้ง Online และ Offline ประกอบกับพัฒนาการของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโครงข่ายเน็ตเวิร์คที่มีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้การเชื่อมต่อฐานข้อมูลสู่ Inside – Out Strategies จนสามารถสร้างกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนแผนงานตามสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ ทำให้เราเห็นความพร้อมขององค์กรในการก้าวสู่ความเป็น Platform Company หรือ Cognitive organization ได้อย่างชัดเจนขึ้น

2. ใส่ความอัจฉริยะของเทคโนโลยีไปที่หัวใจขององค์กร – Intelligence at The Core

แม้องค์กรจะมีการทำ Digital Transformation มานับ 10 ปี แต่อาจจะเป็นการทำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า คู่ค้า พนักงาน หรือ Front Line เท่านั้น โดยยังไม่ได้นำมาประยุกต์กับระบบงานส่วนอื่นๆ หรือ ข้อมูลในกระบวนการทำงานหลักในแต่ละอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ Data Flow ใน Core Business ที่อาจจะยังไม่ Digitize ดังนั้นในปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก ในการยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จากการสั่งสมข้อมูลในช่วงของการทำ Digital Transformation ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

3. ความหลากหลายด้านการใช้งานระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือน – Hyper Responsive User Interaction

การเปิดตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านตัวเองของบริษัทโซเชียลมีเดียชั้นนำของโลกเข้าสู่สังคมในโลกเสมือน หรือ Metaverse เป็นเครื่องยืนยันว่าโลกอนาคตจะถูกเชื่อมด้วยโลกเสมือนอย่างแน่นอน พฤติกรรมของผู้บริโภคจะผสมผสานการรับรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ เราจะเห็นการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเพื่อรองรับความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ การปรับเปลี่ยนคอนเทนต์เพื่อให้สอดรับกับโลกที่จะไม่ได้มีแค่โลกจริงอีกต่อไป เพราะฉะนั้นไม่เพียงแค่ต้องเข้าใจกระแส แต่เราต้องก้าวขาเข้าไปอยู่ในกระแสเพื่อมองหาโซลูชันในการสร้าง Engagement กับผู้บริโภคทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนควบคู่กันไป

4. การทำงานบนผืนข้อมูลเดียวกัน – Open Data Fabric

เมื่อโลกของข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรเริ่มเข้าใจ และสามารถบริหารจัดการเพื่อนำมาใช้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในขณะที่ด้วยกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำลังมีผลบังคับใช้ในปีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะได้เห็นเครื่องมือในการสร้างการยินยอมการใช้ข้อมูลของผู้บริโภคอย่างเต็มใจ ไปพร้อมๆ กับสร้างความอุ่นใจด้านการใช้ข้อมูลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดและจะไม่สร้างความเสียหายให้กับลูกค้า

อีกทั้งยังมีเรื่องของการที่ไม่จดจำตัวตน (deidentification) แต่ยังคงไว้ซึ่งความสามารถสร้างความเชื่อมโยงของเจ้าของข้อมูลโดยไม่เปิดเผยตัวตน ที่ทำได้ผ่านแพลตฟอร์มกลางในการช่วยยืนยันตัวตนและสร้างตัวตนเสมือน (avatar) ที่ใช้ในการปิดบังตัวตน (anonymity) ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำ Data ในโลกของ Metaverse นั่นเอง

5. การรวมทักษะจากทีมที่หลากหลาย – Talented and Composable Moonlighter

วันนี้ความหลากหลายของทีมที่มีทักษะการทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งจากภายในและภายนอก จะกลายมาเป็นทีมที่สร้างผลงานและการเติบโตให้กับองค์กรได้ แน่นอนว่าต้องเกิดจากการมีโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นพร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์  อีกทั้งการมีเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่พร้อมในการจัดวางโครงสร้างของทีมเพื่อประกอบเอาคนที่มีความสามารถจากที่ต่างๆ มาเป็นทีมเดียวกันที่มีประสิทธิภาพต่อไปได้

6. เทคโนโลยีขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน – Democratization of Doing Good

ปัญหาด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ถูกพูดถึงและหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญของคนทั่วโลก ถึงเวลาที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่แบบทั้งกระบวนการ เราจะไม่ได้เห็นแค่เพียงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาช่วยทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเท่านั้น แต่เราจะเห็นการสร้างบริการดิจิทัลมาเพื่อตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่กำลังลุกขึ้นมาปกป้องโลก ด้วยสินค้าและบริการที่มีการปรับเปลี่ยนส่วนประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานที่ลดลง ใช้พลังงานทางเลือก หรือเทคโนโลยีที่สะอาดขึ้น และนำมาคำนวณเป็น Carbon Credit ที่เกิดขึ้นจากการใช้สินค้าและบริการ เพื่อนำไปเป็นคะแนน หรือระบบสะสมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาช่วยโลกได้มากแค่ไหน

“จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนสำคัญอย่างมากในยุคที่เราอยู่ท่ามกลางความท้าทายของการเคลื่อนตัวเข้าสู่โลกใหม่ การยกระดับสู่ความเป็นอัจฉริยะของโครงสร้างหลักพื้นฐานขององค์กรแบบไร้รอยต่อกำลังกลายเป็นเรื่องมาตรฐาน ดังนั้นหากองค์กรในยุคนี้ไม่ลงมือสร้างใน 6 ประเด็น  อาจส่งผลกับการเดินหน้าต่อขององค์กรได้เช่นกัน”