ผลการศึกษาเผย เล่นเกม Call of Duty ช่วยเพิ่มทักษะการขับขี่รถให้กับผู้เล่น

” การเล่นวิดีโอเกมขับรถบ่อยๆ อาจช่วยให้ผู้เล่นขับรถดีขึ้น ” เชื่อว่าหลายคนอาจมีความคิดแบบนี้เพราะตัวเกมนั้นมีกลไกสอนเรื่องการขับขี่ให้กับผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการบังคับพวงมาลัย การเลี้ยว และการควบคุมคันเร่ง เป็นต้น

ที่น่าแปลกใจคือ ผลการศึกษาพบว่า เกมอย่าง Call of Duty ให้ประโยชน์แก่ผู้ขับขี่มากกว่าเกมประเภทขับรถเสียอีก

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตรอนโตในปี 2014 การเล่นวิดีโอเกมที่เน้นแอ็คชัน เช่น Call of Duty หรือ Assassin’s Creed ที่ไม่ได้รับการปรับปรุงเรื่องsensorimotor (เป็นกระบวนการรับรู้ การสัมผัส การเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันกันระหว่างการมองเห็นและการบังคับด้วยมือ) อย่างน่าเชื่อถือ แต่กลับได้รับการปรับปรุงการเรียนรู้เกี่ยวกับsensorimotor นั่นหมายความว่าผู้เล่นเกมสามารถทำงาน/ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่เล่นเกมในการปฏิบัติงานที่มีโครงสร้างที่สม่ำเสมอและคาดเดาได้

นักวิจัยได้ทดสอบโดยให้กลุ่มคนทั้ง 2 กลุ่มพยายามเลี้ยงเคอร์เซอร์ไว้ภายในสี่เหลี่ยมสีขาวขณะที่สี่เหลี่ยมเคลื่อนที่ไปรอบๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในตอนแรก กลุ่มคนทั้ง 2 กลุ่มทำได้พอกัน เนื่องจากยังจับทางของการเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เมื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้ฝึกฝน กลุ่มที่เป็นคนเล่นเกมมีการปรับปรุงการบังคับและรักษาเคอร์เซอร์ในสี่เหลี่ยมได้ดีกว่ากลุ่มคนที่ไม่เล่นเกม

หลายคนอาจคิดค้านว่า แค่การเลี้ยงและบังคับเคอร์เซอร์ให้อยู่ในสี่เหลี่ยมเกี่ยวอะไรกับการช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นเช่นนั้น มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เห็นบนหน้าจอ แต่มันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสมอง ในการขับขี่นั้น ฟังก์ชันการคิด ตัดสินใจ และการมองเห็นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เล่นจะตะหนักว่าเมื่อสี่เหลี่ยมเปลี่ยนทิศทางแล้วจึงเปลี่ยนเส้นทางการบังคับเคอร์เซอร์ก่อนที่มันจะออกจากกรอบของสี่เหลี่ยม ซึ่งสัมพันธ์และเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่ตัดสินใจในเสี้ยววินาทีเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

การศึกษาของมหาวิทยาลัยโตรอนโตในปี 2014 ในข้างต้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงหลักฐานเดียวที่แสดงให้เห็นว่า Call of Duty และเกมที่คล้ายกันสามารถพัฒนาทักษะในการขับขี่ได้ Dr.Daphne Bavelier ศาสตราจารย์ด้านสมองและวิทยาการปัญญาจากมหาวิทยาลัย Rochester ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธอในการศึกษาผลกระทบด้านความรู้ความเข้าใจจากการเล่นเกม และมีข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า “การเล่นวิดีโอเกมส่งผลต่อผู้เล่นอย่างไร?”

ในงาน TEDx Talk ปี 2012Dr.Daphne Bavelier ได้หักล้างชุดความคิดที่มีมาช้านานว่า ”การเล่นวิดีโอเกมทำลายสายตาของผู้เล่น ” นั้นไม่เป็นความจริง โดยเธอและทีมงานได้ทำการตรวจวัดสายตาของทั้งกลุ่มคนที่เล่นเกมและคนที่ไม่เล่นเกมในห้องทดลอง และพบว่ากลุ่มคนที่เล่นเกมนั้นมีการมองเห็นที่ดีกว่ากลุ่มคนที่ไม่เล่นเกม แม้แต่ผู้ที่เล่นเกม 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ยังทดสอบการมองเห็นได้ดีกว่า 20/20 ด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ผู้ที่เล่นเกมไม่ได้มีแค่การมองเห็นที่ดีกว่าเท่านั้น แต่ยังมีการรับรู้ที่ดีและคมชัดกว่าในเฉดสีเทาๆ ยกตัวอย่างเช่น การขับรถในหมอก และการตัดสินใจในสถานการณ์นั้น

อีกหนึ่งชุดความคิดที่ขัดกับสิ่งที่Dr.Daphne Bavelier ค้นพบคือ เกมนำไปสู่ปัญหาเรื่องสมาธิและสร้างความว้าวุ่นใจมากขึ้น

Brain Conflict Test

Bavelier พบว่าผู้ที่เล่น Call of Duty นั้นมีสมาธิและความสนใจที่ดีกว่าผู้ที่ไม่เล่นเกม การทดสอบง่ายๆ ของเธอคือ การใช้ข้อความที่เป็นสีให้อาสาสมัครในการทดสอบ และให้พวกเขาพูดชื่อสีที่เห็นออกมา (ไม่ใช่พูดคำในตัวอักษรที่เห็น) ซึ่งมันจะขัดกัน เช่น คำว่า BLUE (ที่แปลว่าสีฟ้า) แต่ตัวอักษรใช้สีแดง ผลการวิจัย พบว่าผู้เล่นเกมสามารถแก้ความขัดแย้งและตอบได้อย่างรวดเร็วกว่าผู้ที่ไม่เล่นเกม

นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบสมาธิและความสนใจอื่นอีก โดยเป็นการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่หลายตัว ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่เล่นเกมจะจับตาดูสิ่งของที่เคลื่อนไหวได้ประมาณ 3-4 อย่างในเวลาเดียวกัน แต่ผู้ที่เล่นเกมจะสามารถสังเกตและจับการเคลื่อนไหวได้ประมาณ 6-7 อย่างในเวลาเดียวกัน

สมาธิและความสนใจเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อต้องขับขี่ ในความเป็นจริง การขับรถของเรานั้นมีอะไรให้จดจ่อหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรถข้างหน้า รถที่ตามหลัง รถเลนข้างๆ เด็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ข้างถนน สัญญาณไฟจราจร หรือความเร็วของรถที่แล่นอยู่ เป็นต้น ผู้ขับขี่ต้องรักษาโฟกัสไว้เมื่อขับรถ ซึ่งการทดสอบในห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เล่นเกมแอ็คชั่นนั้นจะมีทักษะโดดเด่นมากในเรื่องนี้

brain activity tracking

การวิจัยของBavelier ช่วยยืนยันผลการทดสอบเชิงปฏิบัติด้วยการถ่ายภาพสมอง โดยสมองของคนเราจะมี 3 ส่วนที่ควบคุมเรื่องสมาธิและความสนใจ

  • parietal lobe ควบคุมทิศทางของความสนใจ
  • frontal lobe รักษาระดับของความสนใจ และ
  • anterior cingulate ควบคุมวิธีการจัดสรรสมาธิและแก้ไขข้อขัดแย้ง

จากภาพถ่ายสมอง พบว่าเครือข่ายทั้ง 3 ส่วนของสมองของคนเล่นเกมนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ที่ไม่เล่นเกม

การทดสอบแสดงให้เห็น 2 สิ่ง ประการแรก พวกเขาพิสูจน์ความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างการปรับปรุงเรื่องการรับรู้ ความรู้ความเข้าใจเมื่อเล่นเกมอย่าง Call of Duty ซึ่งผลกระทบเชิงบวกไม่ได้เกิดจากสภาพแวดล้อมทั่วไปสำหรับนักเล่นเกม ประการที่สอง มันแสดงให้เห็นว่าการฝึกสมองด้วยการเล่นเกมเหล่านี้นั้นมีผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นยาวนาน

ยังมีผลการศึกษาอีกชิ้นจากเซี่ยงไฮ้ในปี 2016 ที่แสดงให้เห็นว่าการเล่นเกม high-action นั้นช่วยเป็นการกระตุ้นสมอง แต่สิ่งที่นักวิจัยต้องการจากการทดลองนี้คือ การเล่นเกมช่วยพัฒนาทักษะการขับขี่จริงหรือไม่ ดังนั้นจึงมีการทดสอบผู้เข้าร่วมทดสอบด้วยเครื่องจำลองการขับขี่ โดยแบ่งผู้ทดสอบเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเล่นเกมแอ็คชั่นเป็นเวลา 5 – 10 ชั่วโมงอย่างเกม Mario Kart ส่วนอีกกลุ่มเล่นเกม Rollercoaster Tycoon ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่เล่นเกมแอ็คชั่นนั้นขับขี่ในเครื่องจำลองการขับขี่ได้ดีกว่าผู้เล่นอีกกลุ่ม

Li Li นักเขียนและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยNew York University Shanghai กล่าวว่า การวิจัยของเขาแสดงให้เห็นว่าการเล่นวิดีโอเกมแอ็คชั่นเพียง 5 ชั่วโมงสามารถช่วยให้ผู้คนพัฒนาทักษะในการควบคุมการมองเห็นและควบคุมการเคลื่อนไหวที่จะเป็นต่อการขับขี่

ผู้เล่นเกมแอ็คชั่นมีความแม่นยำมากขึ้นในการบังคับรถ รักษาเลน และแสดงความเบี่ยงเบนจากศูนย์กลางน้อยลงเมื่อเผชิญกับกระแสลมที่พัดแรง เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มีประสบการณ์การเล่นเกมแอ็คชั่นเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

Li Li นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยNew York University Shanghai กล่าว

การผลการศึกษาของ 3 สถาบันที่กล่าวมาทั้งหมดให้หลักฐานที่ชัดเจนว่าการเล่นวิดีโอเกมนั้นช่วยเสริมสร้างทักษะ ความรู้และความเข้าใจที่มีความสำคัญต่อการขับขี่ จากการศึกษาข้างต้นพบว่าสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การบังคับ การติดตามวัตถุ การแก้ความขัดแย้งที่เห็นด้วยตา ความสนใจ สมาธิ และเวลาในการตอบสนอง ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลทางบวกจากการเล่นเกมในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเกมทุกเกมจะมีประโยชน์เชิงบวกเหล่านี้ เพราะ เกมที่เป็นเกมช้าๆ ดูเหมือนจะไม่ให้ผลอะไรแบบนี้เลย

น่าแปลกที่ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าเกมแข่งรถนั้นมีผลเพียงเล็กน้อยต่อคุณลักษณะเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเกมแอ็คชั่น หรือเกมยิ่งแบบfirst-person shooters (FPS) ที่ตัวละครในเกมเดินเท้าซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมขับรถจะไม่มีประโยชน์กับผู้ขับขี่เลย เพราะ ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยNew York University Shanghai นั้นพบว่าคนที่เล่นเกมMario Kart นั้นสามารถปรับปรุงเวลาการตอบสนองได้ดีกว่าคนที่เล่นเกม Rollercoaster Tycoon

ที่มา : TECHSPOT