vivo

vivo เดินหน้าผลักดัน นวัตกรรม 5G SA ในไทยแบบเต็มสูบ จัดครบทุกซีรี่ย์

vivo เดินหน้าลุย 5G ผลักดัน นวัตกรรม 5G SA ในไทยแบบเต็มสูบ ครบทุกซีรีส์ทั้ง Y, V, X และเร็วๆ นี้ กับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด vivo V23e 5G

vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก มุ่งมั่นและต้องการเป็นผู้นำด้านการพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G ผ่านการผลักดันนวัตกรรม 5G SA (Standalone) หรือการใช้งานบนเครือข่าย 5G เพียงอย่างเดียว โดยได้วิจัยและพัฒนาร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของไทยทั้ง AIS และ True ซึ่ง นวัตกรรม 5G SA จะช่วยให้สัญญาณ 5G ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่ต้องแบ่งปันช่องสัญญาณกับ Core Network อื่นๆ อย่าง 4G โดย 5G SA มีข้อดีกว่า 5G NSA (Non-Standalone) หลายประการ อาทิ ช่วยลดค่าความหน่วงจากการใช้งาน (Latency) ให้ต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที (Millisecond) ส่งผลต่อประสบการณ์การเล่นเกมหรือดูสตรีมมิงที่ลื่นไหล ประหยัดการใช้งานแบตเตอรี่จากระยะเวลาการดาวน์โหลดข้อมูลที่สั้นลง

ตลอดระยะเวลาการทำตลาดในเมืองไทย vivo พยายามนำเสนอสมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ vivo NEX 3 5G สมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ vivo ที่รองรับ 5G และ vivo V21 5G สมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่สามารถรองรับ 5G SA ในประเทศไทย และปัจจุบันมีสมาร์ตโฟนของ vivo ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการถึง 6 รุ่น ที่สามารถรองรับนวัตกรรม 5G SA ได้แล้ว ได้แก่ Y52 5G, Y72 5G, V21 5G, X70 5G, X70 Pro 5G และ V23e 5G สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆ นี้

vivo นวัตกรรม 5G SA

นอกจากนี้ จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G SA ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของไทยอย่าง AIS และ True ทำให้สมาร์ตโฟนของ vivo ที่รองรับ 5G SA ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันทุกรุ่น สามารถใช้งานครอบคลุมได้ทั้งความถี่ 700 MHz และ 2,600 MHz ทั้งบนเครือข่ายของ AIS และ True และวางจำหน่ายในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและสัมผัสกับนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่าง 5G SA ได้อย่างง่ายดาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 7,999 บาท

vivo ยังมีแผนยกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนผ่านนวัตกรรม 5G SA ให้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าเคย โดยกำลังทดสอบ เทคโนโลยี VoNR หรือ Voice over 5G New Radio กับ AIS และ True ซึ่งเทคโนโลยี VoNR จะช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนสามารถโทรหรือวิดีโอคอลภายใต้ความหน่วงต่ำ มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยให้เวลารอสายเรียกเข้าและรับสายรวดเร็วกว่าที่เคย ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยรวมที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ vivo กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 5G CA หรือ 5G Carrier Aggregation มาตรฐานระดับโลกที่จะช่วยให้ 5G สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ลื่นไหลกว่าที่เคย โดยมีจุดเด่นที่ทำให้คลื่นความถี่ทั้ง 2 ย่าน ทำงานผสานและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อขยายความสามารถในการรับส่งข้อมูลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

เตรียมพบกับสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีเพื่อนวัตกรรม 5G SA จาก vivo ในเมืองไทยได้บนสมาร์ตโฟน vivo V23e 5G เร็วๆ นี้ และอีกหลากหลายรุ่นในอนาคตให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เลือกเป็นเจ้าของเพื่อสัมผัสเทคโนโลยี 5G SA ก่อนใคร