รีวิว Xiaomi Pad 5

รีวิว Xiaomi Pad 5 แท็บเล็ตสเปคครบเครื่อง ทำงานเต็มที่ บันเทิงเต็มพิกัด ราคา หมื่นต้นๆ

รีวิว Xiaomi Pad 5 แท็บเล็ตที่ครบเครื่องรอบด้าน ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 11 นิ้ว คมชัด WQHD+ รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ Dolby Vision ดีไซน์เรียบสวยพรีเมียม น้ำหนักเบา ลำโพง 4 ตัว เสียงกระหึ่ม Dolby Atmos ใช้งานเขียนด้วยปากกา Xiaomi Smart Pen แบตเตอรี่ใหญ่ 8720 mAhใช้ทำงานใช้เรียนก็ได้เต็มที่ เล่นเกมหรือความบันเทิงก็สนุกเต็มอารมณ์ ราคา เริ่มต้นเพียง 10,990 บาท

ส่วนตัวผมรู้สึกดีใจที่ทางเสียวหมี่ ประเทศไทย นำเอา Xiaomi Pad 5 มาทำตลาดในประเทศไทย เพราะสินค้าในกลุ่มแท็บเล็ตของเสียวหมี่นั้น ห่างหายจากบ้านเราไปค่อนข้างนานมาก และสำหรับรุ่นนี้สเปคและประสิทธิภาพถือว่าน่าสนใจ แถมยังทำราคาออกมาได้น่าซื้อมากๆ

ในปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาดของแท็บเล็ตกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะมีความต้องการอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเรียนออนไลน์ หรือทำงาน Work from Home ที่เน้นเรื่องความคล่องตัว ใช้งานง่าย แบตเตอรี่ที่ใช้ได้เต็มวัน รวมถึงการใช้งานอื่นๆ ที่มากกว่าใช้บนสมาร์ทโฟน แต่ไม่ได้ต้องการความจริงจังถึงระดับแล็ปท็อปหรือคอมพิวเตอร์พีซี

Xiaomi Pad 5 หลังจากที่ได้ลองใช้งานมาสักพัก ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่สร้างความประทับใจในการใช้งานต่างๆ ได้เกินกว่าที่คาดหวังเอาไว้มาก รีวิว นี้ผมจะเล่าถึงประสบการณ์ด้านต่างๆ ที่ได้ใช้งาน ก่อนอื่นเรามา แกะกล่องดูดีไซน์ และดูข้อมูลสเปคของรุ่นนี้กันก่อน

Unbox แกะกล่อง

รีวิว Xiaomi Pad 5

ตัวกล่องสินค้าของ Xiaomi ตอนนี้จะเป็นกล่องกระดาษ 100% และใช้เป็นกระดาษสีขาว เพื่อความสะดวกในการนำไปรีไซเคิลใหม่ได้ง่าย ที่หน้ากล่องมีชื่อของ Xiaomi Pad 5 อยู่ตรงกลาง และด้านล่างระบุการรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos อยู่ด้วย

รีวิว Xiaomi Pad 5

ในกล่องนอกจากตัวเครื่องแล้ว จะมีสิ่งของต่างให้มา โดยจะมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น พร้อมใบรับประกันสินค้า และที่ด้านล่างสุดของกล่อง จะมีอุปกรณ์สำหรับชาร์จ เป็นสายแบบ USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว รองรับกำลังไฟสูงสุด 22.5W

รีวิว Xiaomi Pad 5

Hand On ดูดีไซน์รอบเครื่อง

ตัวเครื่องนั้นทำออกมาได้ดูสวยพรีเมียมดีมาก ตัวเฟรมเครื่องและฝาหลังวัสดุจะเป็นอะลูมิเนียม มีการตัดขอบแบบ Daimond Cut อย่างสวยงาม

รีวิว Xiaomi Pad 5

สำหรับXiaomi Pad 5 ที่เราได้มา รีวิว กันนี้จะเป็นสี Pearl White ที่จะเป็นสีขาวมุกสะท้อนเหลือบสีฟ้า ที่จะเปลี่ยนแปลงตามมุมกระทบของแสง โดยผิวสัมผัสจะมีความด้าน ละมุนนิ้ว และเกิดรอยนิ้วมือน้อยมาก และจะมีอีกสีเป็นสีเทา Cosmic Gray ที่จะออกโทนสีดำเข้มเรียบๆ

รีวิว Xiaomi Pad 5

ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องหลังที่ด้านมุม หน้าตาจะเป็นดีไซน์แบบ Deco Style คล้ายๆ เดียวกับ Xiaomi 11 ตัวกล้องเหมือนจะมี 2 กล้องแต่จริงๆ เป็นกล้องเดี่ยว ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลชแบบ LED คู่มาให้ด้วย

รีวิว Xiaomi Pad 5

ด้านข้างตัวเครื่องฝั่งซ้าย จะมี Smart Connector สำหรับใช้งานกับเคสคีย์บอร์ด (ขายแยกเป็นอุปกรณ์เสริม)

รีวิว Xiaomi Pad 5

ส่วนทางขวาจะมีแถบแม่เหล็กสำหรับดูดติดปากกา Xiaomi Smart Pen เพื่อชาร์จแบต (ปากกาก็ขายแยกเช่นกัน) และจะมีช่องไมโครโฟน 2 ช่อง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวลาใช้งานสนทนา Video Call ให้ดียิ่งขึ้น

รีวิว Xiaomi Pad 5

ขอบด้านบนของเครื่อง จะมีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง ช่องไมโครโฟน ตัวที่ 3 และ ช่องลำโพง 2 จุด ที่เขียนระบุไว้ว่ารองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos

รีวิว Xiaomi Pad 5

มาที่ขอบด้านล่าง จะมีช่องลำโพงอีก 2 จุด ทำงานเป็นลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดังกระหึ่มชัดเจน และมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 4 และพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ

ด้านหน้าตัวจอเป็นแบบ Full View ไม่มีแหว่งมีติ่ง เว้นขอบรอบ 4 ด้านเข้ามาประมาณ 8 มิลลิเมตร จอแสดงผลจะเป็นแบบ IPS LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (2560 x 1600) 274 ppi ที่สามารถเลือกปรับค่ารีเฟรชเรทหน้าจอได้ถึง 120Hz โดยที่คุณสมบัติของจะ จะเป็น DCI-P3 รองรับ HDR10, Dolby Vision มีระบบลดแสงสีฟ้าในระดับฮาร์ดแวร์ และมีซอฟท์แวร์ช่วยในส่วนลดการปล่อยแสงสีฟ้าให้อีกด้วย

ที่ด้านบนของจอ จะมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.0 สำหรับเอาไว้ใช้งานการประชุมออนไลน์ , Video Call

ขนาดของตัวเครื่อง 254.69 x 166.25 มิลลิเมตร หนาเพียง 6.85 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 511 กรัม เป็นขนาดที่จัดได้พอดีมือไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป น้ำหนักถือต่อเนื่องนานๆ ไม่รู้สึกเมื่อย ดูรอบเครื่องแล้ว สังเกตจะเห็นว่า ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรมาให้ รวมถึงไม่มีช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำ microSD ด้วย

ข้อมูล สเปค Xiaomi Pad 5

  • ขนาดเครื่อง 254.69 x 166.25 x 6.85 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 511 กรัม
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 860 (7nm) ความเร็วสูงสุด 2.96 GHz
  • GPU ประมวลผลกราฟฟิค Adreno 640
  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (2560 x 1600) ค่ารีเฟรชเรท 120Hz 274ppi
  • จอ DCI-P3 รองรับ HDR10, Dolby Vision มีระบบตัดแสงสีฟ้า
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมแฟลช Dual-LED
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/2.0
  • RAM 6GB
  • หน่วยความจำ 128GB / 256GB UFS 3.1
  • ลำโพง 4 ตัว (16mm x 20mm) รองรับ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio
  • เชื่อมต่อไร้สาย Bletooth 5.0, Wi-Fi 2.4Ghz/5GHz
  • แบตเตอรี่ 8720mAh รองรับชาร์จเร็ว 22.5W
  • ระบบปลดล็อคเครื่อง : PIN/Pattern/AI Face 
  • ใช้งานร่วมกับปากกา Xiaomi Smart Pen ชาร์จระบบแม่เหล็กด้านข้างเครื่อง
  • ระบบปฏิบัติการ MIUI for Pad บนพื้นฐาน Android 11
  • มีให้เลือก 2 สี Cosmic Gray, Pearl White
  • ราคา (เปิดตัว กันยายน 2564)
    • 6+128GB ราคา 10,990 บาท
    • 6+256GB ราคา 12,990 บาท

ทดสอบการใช้งาน

ตัวระบบปฏิบัติการเป็น MIUI for Pad บนพื้นฐานของ Android 11 รองรับการใช้งานกับแอปแอนดรอยด์ได้อย่างไม่มีปัญหา การใช้เพื่อทำงานก็สะดวกสบาย ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ ทำให้มีความคล่องตัวในการใช้งานมากกว่าใช้บนสมาร์ทโฟน และไม่เกะกะเทอะทะเหมือนกับการใช้แล็ปท็อป

  • แอปสำหรับการทำงานเอกสาร ใช้ได้ทั้งแอปของ Google Docs หรือ Microsoft Office ได้อย่างไม่มีปัญหา
  • การประชุมหรือเรียนออนไลน์ รองรับทั้ง Google Meet, Google Classroom, ZOOM ฯลฯ มีกล้องหน้าในตัว และไมโครโฟนที่ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง เก็บเสียงพูดได้ค่อนข้างดี ซึ่งแนะนำว่าถ้าจะประชุมออนไลน์ ให้ใช้คู่กับหูฟังแบบ TWS ไร้สายจะสะดวกกว่า
  • ตัว MIUI for Pad รองรับการทำงานแบบ Multi Window หน้าต่างลอย ที่สามารถเปิดแอปเป็นจอเล็กซ้อนไว้ด้านขอบเครื่อง และเลื่อนให้หดเหลือเล็กๆ และทำงานแบบ 2 แอปเปิดแบ่งครึ่งหน้าจอก็ได้
  • การทำงานขึ้นจอใหญ่ จากที่ทดสอบ สามารถทำได้ผ่านการแชร์ผ่าน Cast Screen ไปยังจอที่รองรับ Miracast ไม่สามารถเสียบผ่านสาย USB-C ได้
  • การพิมพ์ถ้าไม่ถนัดกับคีย์บอร์ดบนหน้าจอ สามารถต่อคีย์บอร์ดได้ทั้งแบบไร้สาย (ผ่าน Bluetooth) หรือเสียบสายก็ได้ รวมถึงยังใช้เม้าส์ในการเลื่อน Cursor ก็ได้ความรู้สึกเหมือนใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น
  • เกรดของจอเป็น DCI-P3 ให้สีสันค่อนข้างเที่ยงตรง และมีตัวจัดการลดแสงสีฟ้า ทำให้ใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีอาการปวดล้าของสายตา

การใช้งานกับปากกา Xiaomi Smart Pen

อุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มแยกต่างหาก แต่เมื่อเอามาใช้ทำงานร่วมกับ Xiaomi Pad 5 แล้ว ให้ความสมบูรณ์แบบในการทำงานด้านต่างๆ ได้มากขึ้น ตัวปากกา จะสามารถเขียนบนหน้าจอ โดยรองรับแรงกดได้มากถึ 4096 ระดับ ทำให้สามารถลากเส้นที่มีขนาดความหนาบางต่างกันได้ และยังใช้วาดรูปแบบแรเงาด้วยด้านข้างของหัวปากกาได้เหมือนกับดินสอจริงๆ อีกด้วย

ที่ตัวด้ามของปากกาจะมีปุ่ม Shotcut 2 ปุ่มอยู่ ปุ่มแรก เมื่อกดค้างจะเป็นการเรียกโปรแกรม Note สำหรับการจดบันทึกขึ้นมาให้เราจดเขียนได้ทันที โดยอีกปุ่มกดค้างแล้วจะเรียกการ Capture ภาพหน้าจอ ที่เลือกได้ว่าจะเก็บทั้งหมดหรือเฉพาะบางส่วนบนจอ ทำให้การจดบันทึกในการใช้งานแท็บเล็ตมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

ความรู้สึกในการเขียนถือว่าลื่นไหลดี ไม่รู้สึกถึงความหน่วง ลองทดสอบทั้งในโปรแกรม Note ของ Xiaomi เอง และแอป Sketcher ที่เป็นแอปสำหรับวาดภาพที่นิยมใช้กันมากที่สุด การใช้งานเรียกว่าสอบผ่านไม่มีติดขัดอะไรเลย

ตัวปากกาXiaomi Smart Pen จะเชื่อมต่อกับXiaomi Pad 5 แบบไร้สายผ่าน Bluetooth โดยเราสามารถนำเอามาแปะติดกับที่ด้านข้างของตัวเครื่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ผ่านระบบแม่เหล็ก ที่สามารถชาร์จได้เร็วมาก หมดห่วงเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างใช้งานไปได้เลย

ด้านความบันเทิง

ทำงานดี เรื่องความบันเทิงก็ไม่ธรรมดาสำหรับXiaomi Pad 5 หน้าจอขนาด 11 นิ้ว ที่แม้ว่าจะเป็น IPS แต่ก็ให้ภาพที่สวยคมชัด ด้วยความละเอียด WQHD+ และค่ารีเฟรชเรทที่ 120Hz ที่รองรับการแสดงผล HDR10 และ Dolby Vision สำหรับสาย Netflix บอกเลยว่าฟินมากๆ เพราะรองรับคอนเทนต์หนังและซีรีย์หลายๆ เรื่อง ให้รับชมแบบภาพสีสวยสดใสมีมิติเป็นพิเศษ

รวมถึงตัวลำโพง 4 ตัวแบบสเตอริโอ ที่คุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่ดีเกินตัว เสียงดังและเก็บรายละเอียดได้ดี พร้อมรองรับ Dolby Atmos อีกด้วย เรียกว่า เอาไว้ดูซีรีย์ได้แบบฟินเต็มอารมณ์

การเล่นเกม

ด้วยสเปคที่ชิปเซ็ตใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 860 ตัว GPU Adreno 640 กับ RAM 6GB ถือว่าเป็นสเปคระดับกลาง ไม่ได้เป็นตัวจัดแรงจี๊ด แต่มีดีตรงหน้าจอที่เป็น 120Hz (Touch sampling 240Hz) รวมกับลำโพงสเตอริโอเสียงดี 4 ตัว ความรู้สึกในการเล่นเกมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ

ระบบของ MIUI จะมี Game Turbo สำหรับที่ช่วยบริหารจัดการแอปเกมต่างๆ ในเครื่อง ตั้งแต่ช่วยปรับทรัพยากรต่างๆ ให้เครื่องพร้อมสำหรับเล่นเกมมากที่สุด และปรับเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ Wi-Fi ให้มีความสเถียร, เพิ่มการตอบสนองในความไวต่อการสัมผัส และเลือกเปิดปิดการแจ้งเตือนระหว่างการเล่นเกม เพื่อให้การเล่นไหลลื่นไม่มีอะไรมากวนใจ

ทดสอบลองเล่นกับ Genshin Impact ตัวเกมเลือกเล่นได้ที่ระดับกลาง ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไม่มีสะดุด

และลองเล่นเกับ Pokemon UNITE ตัวเกมเลือกกราฟฟิคและเฟรมเรตได้ระดับสูง โดยในการเล่นตัวเฟรมเรตจะวิ่งที่ 58-60fps แบบสบายๆ

การใช้งานกล้อง

ตัวกล้องหลังของXiaomi Pad 5 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมไฟแฟลช LED แบบคู่ ต้องยอมรับว่ากล้องไม่ได้เป็นจุดเด่นสำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้ กล้องจึงไม่ได้เน้นฟีเจอร์อะไรมาให้มากนัก เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้สำหรับการถ่ายเอกสาร หรือถ่ายภาพเพื่อใช้งานทั่วไปเป็นหลัก

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เช่นกัน ถือว่าเป็นสเปคกล้องที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน Video call ได้ดี เพราะตัวมุมกล้องนั้นค่อนข้างกว้างพอสมควร

แบตเตอรี่

หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลกับการที่Xiaomi Pad 5 ใช้จอ 120Hz แล้วจะทำให้แบตเตอรี่นั้นหมดเร็วหรือไม่ ต้องบอกว่าในบอดี้เครื่องที่ดูขนาดไม่ใหญ่ แถมยังบางมากๆ แต่เสียวหมี่ยังยัดความจุของแบตเตอรี่มาให้ถึง 8720mAh มาเพียงพอเหลือเฟือสำหรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วนเรื่องของการชาร์จ จะรองรับชาร์จเร็วสูงสุดที่ 22.5W เมื่อชาร์จแล้วจะขึ้นระบบ Mi Turbo Charge

สรุป รีวิวXiaomi Pad 5

โดยรวมแล้วXiaomi Pad 5 เป็นแท็บเล็ตที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่น่าประทับใจดีมาก สำหรับแท็บเล็ต Android ระดับกลาง ประสิทธิภาพหลักถือว่าใช้งานทั่วไปไร้ปัญหากวนใจ ทำงานได้รวดเร็วไม่เจออาการหน่วงหรือสะดุดใดๆ ใช้สำหรับทำงานได้คล่องตัว

การใช้งานร่วมกับปากกาXiaomi Smart Pen เป็นการเติมเต็มให้ใช้งานได้มากขึ้น ทั้งการจดบันทึก การวาดภาพ และการทำงานในหลายๆ ด้าน แนะนำว่า ซื้อเพิ่มครับ ได้ใช้งานคุ้มอย่างแน่นอน

และสำหรับการใช้งานประชุมออนไลน์ หรือเรียนออนไลน์ ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ด้วยตัวหน้าจอขนาดกำลังดีที่ให้คุณใช้งานได้ทุกที มีไมโครโฟนถึง 4 จุดที่ช่วยจัดการเรื่องเสียงพูดของเราให้คมชัดและตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก พร้อมมีกล้องหน้าสำหรับทำ Video call เสร็จพร้อมในตัว

และดีมากๆ กับการดู Netflix ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่กำลังดี รองรับ HDR Dolby Vision สีสันคมชัดสดใส และเสียงลำโพง 4 ตัว เอาไว้นอนดูซีรีย์ได้เพลินๆ และการเล่นเกมก็รองรับเล่นเกมระดับ AAA ได้อยู่

มีข้อจำกัดที่ต้องรู้ก็คือXiaomi Pad 5 จะรองรับการเชื่อมต่อ WiFi เพียงอย่างเดียว ไม่มีให้ใส่ซิมเพื่อเชื่อมต่อผ่าน 4G รวมถึงยังไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำของเครื่องด้วย microSD ได้ ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจะเอามาใช้งานหนักๆ ก็แนะนำว่าให้เลือกเป็นรุ่น 256GB ไปเลย

รีวิว Xiaomi Pad 5

Xiaomi Pad 5 วางจำหน่ายแล้ว มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Cosmic Gray และสีขาว White Pearl

  • รุ่นความจุ 6GB+256GB: ราคา 12,990 บาท วางจำหน่ายที่ Xiaomi Store ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์
  • รุ่นความจุ 6GB+128GB: ราคา 10,990 บาท วางจำหน่ายผ่าน JD Central เท่านั้น

ปากกา Xiaomi Smart Pen ราคา 2,499 บาท พิเศษ ราคาเพียง 1,499 บาท เมื่อซื้อพร้อม Xiaomi Pad 5 รุ่นใดก็ได้

ขอขอบคุณ Xiaomi ประเทศไทย สำหรับแท็บเล็ต Xiaomi Pad 5 สำหรับในการ รีวิว ครั้งนี้ครับ