Apple เตรียมปรับข้อกำหนดใน App Store เพื่อให้นักพัฒนามีอิสระในการหารายได้มากขึ้น

Apple ประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นบน App Store เพื่อยุติการดำเนินคดีแบบกลุ่มจากนักพัฒนาในสหรัฐอเมริกา

ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลง Apple จะอนุญาตให้นักพัฒนาใช้วิธีการสื่อสาร เช่น อีเมล เพื่อแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่มีอยู่นอกแอป iOS และนักพัฒนาสามารถขยายระดับราคาสำหรับแอป , การซื้อภายในแอป (in-app purchases) และการสมัครสมาชิก

Apple วางแผนจะสร้างกองทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลกสำหรับนักพัฒนารายย่อยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และจะเผยแพร่รายงานความโปร่งใสประจำปีเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบแอป

ทั้งนี้ Apple กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดที่เกิดขึ้น และข้อตกลงใหม่นี้ App Store จะเป็น “โอกาสทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นสำหรับนักพัฒนาแอป” ในขณะเดียวก็ยังสามารถรักษาความปลอดภัยของ App Store เอาไว้ได้

เพื่อสร้างข้อตกลงใหม่นี้ ทาง Apple และนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องในคดีความได้ทำข้อตกลงว่าจะระบุลำดับความสำคัญที่เห็นพ้องต้องกัน 7 ประการที่ได้รับการส่งให้ผู้พิพากษาผู้ดูแลคดีพิจารณาอนุมัติแล้วดังนี้

1. Apple จะยังคงรักษาโปรแกรมธุรกิจขนาดเล็กบน App Store หรือ App Store Small Business Program เอาไว้ในโครงสร้างปัจจุบันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี โดยธุรกิจที่มีรายได้น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีจะได้รับประโยชน์จากการจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่ถูกลงที่ 15% ต่อไป ในขณะที่นักพัฒนารายใหญ่ๆ จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ App Store ในอัตรามาตรฐานที่ 30% สำหรับการซื้อแอปและการชำระเงินในแอป

2. การค้นหาแอปใน App Store จะยังคงอิงตามลักษณะและวัตถุประสงค์ที่เป็นรูปธรรม เช่น จำนวนการดาวน์โหลด จำนวนดาวที่ให้คะแนน ความเกี่ยวข้องของข้อความ และสิ่งต่างๆ ที่สื่อไปถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ โดย Apple จะยังคงระบบการค้นหา App Store ให้เป็นไปในรูปแบบเดิมอีกเป็นเวลาอย่างน้อง 3 ปี

3. เพื่อเป็นการมอบความยืดหยุ่นในการเข้าถึงลูกค้าให้กับนักพัฒนามากขึ้น ทาง Apple จะอนุญาตให้นักพัฒนาใช้ช่้องการการสื่อสารต่างๆ เช่น อีเมล เพื่อแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินนอกแอป iOS หรือนอก App Store นอกจากนี้นักพัฒนาไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับทาง Apple สำหรับการซื้อที่เกิดขึ้นนอกแอป หรือ App Store เช่นเดิม แต่ทั้งนี้ ผู้ใช้ตำเป็นต้องยินยอมในการสื่อสารในช่องทางนั้นๆ และผู้ใช้ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่รับการสื่อสารได้

4. Apple จะขยายจำนวนระดับราคาที่มีให้นักพัฒนาสำหรับการสมัครสมาชิก การจ่ายซื้อภายในแอป และแอปที่ต้องซื้อ จากเดิมต่ำกว่า 100 เป็น มากกว่า 500 และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ยังสามารถตั้งราคาได้เองต่อไป

5. Apple ยังคงมอบทางเลือกให้นักพัฒนาสามารถยื่นคำร้องขออุทธรณ์การปฏิเสธแอปได้ หากมีข้อสงสัยว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ Apple ตกลงที่จะเพิ่มเนื้อหาไปยังเว็บไซต์ App Review เพื่อช่วยให้นักพัฒนาเข้าใจถึงขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ได้มากขึ้น

6. Apple ตกลงที่จะสร้างรายงานความโปร่งใสประจำปีตามข้อมูล App Store ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลสถิติที่สำคัญเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจสอบแอป รวมถึงจำนวนแอปที่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเหตุผลต่างๆ , จำนวนบัญชีลูกค้าและนักพัฒนาที่ถูกระงับ , ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับคำค้นหาและผลลัพท์ และจำนวนแอปที่ถูกลบออกจาก App Store

7. Apple จะจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักพัฒนารายย่อยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงที่ทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ นักพัฒนาสามารถเรียกร้องเงินได้ระหว่าง 250 ถึง 30,000 ดอลลาร์ โดยอิงจากการเข้าร่วม App Store ในอดีต นักพัฒนาที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์จะต้องสร้างรายได้ 1 ล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่านั้นผ่านหน้าร้านในสหรัฐฯสำหรับแอปทั้งหมดในทุกปีปฏิทินที่นักพัฒนามีบัญชีตามช่วงเวลา ระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน 2015 ถึง 26 เมษายน 2021 คิดเป็น 99% ของนักพัฒนาทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบในภายหลัง

Apple จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ เมื่อได้รับการอนุมัติจาก Yvonne Gonzalez Rogers ผู้พิพากษาผู้ดูแลคดีนี้ ที่สำคัญ ผู้พิพากษา Rogers ยังเป็นผู้ดูแลคดีความต่อเนื่องระหว่าง Apple กับ Epic Games อีกด้วย

ที่มา : MacRumors | Apple