รีวิว Amazfit Bip U สมาร์ทวอทช์รุ่นเล็ก จอสี ฟีเจอร์ครบ ในราคาเบาๆ

รีวิว Amazfit Bip U เป็นอีกสมาร์ทวอทช์รุ่นนิยมของแบรนด์ อเมซฟิต ตัวนี้ฟีเจอร์หลักๆ มีมาให้ครบ จบในราคาเบาๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายเหมือนเดิม

Amazfit Bip U ถือว่าเป็นการนำเอาฟีเจอร์เกี่ยวกับการติดตามด้านสุขภาพ รวมถึงการออกกำลังกายต่างๆ มาใส่ไว้ให้ในอุปกรณ์สวมใส่รูปทรงนาฬิกา ที่มีขนาดเล็กแล้วยังให้เป็นหน้าจอแบบสี และมีความสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อีกหลายอย่าง มาดูกันดีกว่าตัวเล็กๆ แบบนี้ มีดีอะไรบ้าง

รีวิว Amazfit Bip U

แกะกล่อง รีวิว Amazfit Bip U

แพ็กเกจของ Amazfit Bip U ก็จะเรียบๆ มีรูปตัวนาฬิกาอยู่ที่ด้านหน้ากล่อง ซึ่งมีขนาดเท่ากับของจริงเลย ที่รอบกล่องก็จะมีบอกฟีเจอร์สำคัญๆ ของรุ่นนี้เอาไว้ด้วย ภายในกล่องจะมีตัวเรือนนาฬิกา พร้อมกับสาย USB-A สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ที่มีขั้วชาร์จแบบแม่เหล็ก และคู่มือการใช้งานเบื้องต้นมาให้

อย่างที่บอกไปว่า Amazfit Bip U รุ่นนี้เป็นตัวที่เน้นความคุ้มค่า ราคาจับต้องง่าย วัสดุตัวเรือนทั้งหมดเป็นโพลีคาร์บอเนต จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีด้วยกันคือ สีดำ สีเขียว แล้วรุ่นที่เรา รีวิว เป็นสีชมพู ตัวเนื้อวัสดุจะเป็นแบบด้าน ส่วนตัวสายจะเป็นวัสดุซิลิโคน สีเดียวกันเข้ากับตัวเรือน

รีวิว Amazfit Bip U ราคา

หน้าจอแสดงผล เป็นแบบจอสี IPS ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 302 x 320 พิกเซล ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ ครอบด้วยกระจกหน้าแบบ Tempered ขอบโค้ง 2.5D มีเคลือบสารช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือ

ด้านข้างตัวเรือนจะมีปุ่มกด สำหรับเปิดปิดเครื่อง กดเรียกเมนูลัดต่างๆ ที่เราตั้งค่าเอาไว้

ด้านหลังจะเป็นเซ็นเซอร์ BioTracker™ 2 PPG Biological Optical ที่ใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart rate) และวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) และจะมีจุด Contact สำหรับติดกับสายชาร์จแบบแม่เหล็ก ส่วนตัวสายนาฬิกาจะมีเขี้ยวให้ดันเพื่อถอดเปลี่ยนสายได้

การใช้งานเริ่มต้นให้ทำการติดตั้งแอป Zepp ในสมาร์ทโฟน ที่มีให้ใช้ได้ทั้งใน iOS และ Android แล้วให้ทำการลงทะเบียน Sign In เพื่อใช้งาน โดยใส่ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับอายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อใช้ในการประมวลผลด้านสุขภาพ

การเชื่อมต่อให้เปิด Bluetooth แล้วเลือกเชื่อมต่อผ่านจากในแอป ที่วิธีสะดวกสุดก็จะเป็นให้เราสแกน QR Code เพื่อเชื่อมต่อ โดยหลังจากเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว แนะนำให้ทำการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของตัวนาฬิกาให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่งตอนที่อัปเดตควรเสียบสาย USB เพื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วย (การใช้งานครั้งแรกควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ก่อนเริ่มใช้งาน)

ในแอปนี้ จะมีส่วนการทำงานหลักคือ Homepage ที่จะเป็นหน้ารวมข้อมูลกิจกรรมและด้านสุขภาพต่างๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ, การนอน, น้ำหนัก และ Body Score (สำหรับคนที่ใช้งาน Mi Smart Scale แล้วซิงค์กับแอปไว้) ค่าคะแนน PAI, อัตราการเต้นของหัวใจ

ส่วนที่ 2 คือ Enjoy เป็นหน้ารวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สามารถใช้งานร่วมกับ Amazfit Bip U ได้ เพื่อให้คุณใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

และสุดท้ายคือ Profile สำหรับจัดการข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ รวมถึงากรจัดการกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ อย่างการอัปเดตเฟิร์มแวร์ และการดาวน์โหลดติดตั้ง Watchface

สำหรับ Amazfit Bip U นั้น มีหน้าปัด Watchface ให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ ที่มีทั้งแบบเข็มและดิจิตอล พร้อมทั้งแต่ละแบบก็มี Widget แสดงค่าต่างๆ ให้เลือกใช้ แต่ในรุ่นนี้มีข้อจำกัดเรื่องหน่วยความจำ คือ สามารถเลือกติดตั้งได้แค่ 4 แบบ ถ้าจะโหลดใหม่ก็ต้องลบของเก่าออกก่อน ซึ่งเรามาสั่งดาวน์โหลดเปลี่ยนจากในแอป Zepp ได้ตลอดเวลา

ฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจในรุ่นนี้

Amazfit Bip U ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ที่สำคัญๆ มาให้อย่างครบครัน แต่จะมีอะไรมาให้บ้าง ไปดูกัน

  • ใช้งานเป็น Fitness Tracker ที่เก็บข้อมูลการเคลื่อนไหว และกิจกรรมระหว่างวันให้แบบอัตโนมัติ ทั้งจำนวนก้าวเดิน, แคลอรี่ที่ใช้, การนอน, อัตราการเต้นของหัวใจ, วัดระดับความเครียดระหว่างวัน
  • บันทึกกิจกรรมการออกกำลังกาย และกีฬา มีให้เลือกได้มากกว่า 60 ประเภท ที่มีทั้งการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ฟิตเนส, กระโดดเชือก, คาดิโอ, โยคะ ฯลฯ ซึ่งถ้าเป็นกีฬากลางแจ้งที่ต้องเก็บระยะทาง จะต้องใช้งานคู่กับในแอป Zepp เพื่อใช้ GPS ของสมาร์ทโฟนในการกำหนดพิกัด
  • มีการคำนวนค่า PAI (Personal physiological Activity Indicator) เป็นระบบของ Amazfit ที่จะให้คะแนนจากกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ ที่กำหนดไว้ เช่น การวิ่ง, ปั่นจักรยาน ฯลฯ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งเป้าหมายถ้าคุณสามารถทำได้ ก็จะเป็นการช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรง สุขภาพดี
  • การเก็บข้อมูลการนอน สามารถบันทึกให้เราอัตโนมัติ เก็บข้อมูลได้ค่อนข้างละเอียด ที่แบ่งสเตจการนอนได้ทั้งการนอนหลับลึก, หลับตื่น, หลับฝัน REM และการตื่นนอน พร้อทั้งประเมินคะแนนการนอนของเราว่ามีคุณภาพในการหลับพักผ่อนดีมากน้อยเพียงใด เพื่อให้เราทราบว่าเรานอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่แค่ไหน พร้อมมีคำแนะนำเพื่อให้นอนได้หลับดียิ่งขึ้นให้อีกด้วย
SpO2
  • วัดค่าอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ที่โดนปกติแล้ว หากร่างกายแข็งแรงและไม่มีปัญหาด้านสุขภาพเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ค่า SpO2 จะอยู่ที่ 90-100% ซึ่งถ้าหากต่ำกว่านี้ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีปัญหา โดยการวัดค่านี้ เราจะต้องอยู่นิ่งๆ วางมือให้นาฬิกาหงายขึ้น และกดวัดจากในเมนูที่นาฬิกาประมาณ 10-30 วินาที
รีวิว Amazfit Bip U
  • การใช้งานเป็นสมาร์ทวอทช์ ที่ทำงานคู่กับสมาร์ทโฟน เราเลือกให้แอปแจ้งเตือนข้อความจากมือถือมาบอกในนาฬิกาได้ โดยแสดงผลเป็นข้อความภาษาไทยได้ชัดเจน เราเลือกได้ทั้งแจ้งเตือนสายเรียกเข้า, SMS, อีเมล, ปฏิทินนัดหมาย หรือแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ แต่จะอ่านได้อย่างเดียว เลือกตอบกลับไม่ได้ และยังมีฟีเจอร์ควบคุมเครื่องเล่นเพลงในสมาร์ทโฟนจากหน้าปัดนาฬิกาได้ด้วย

สรุป รีวิว Amazfit Bip U คุ้มค่ามั้ย? น่าใช้หรือเปล่า?

Amazfit Bip U ราคา 1,590 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่ได้สูงเกินไป กับสเปคและการใช้งาน ตัวเรือนขนาดเล็กกำลังดีสำหรับเด็กหรือผู้หญิงที่ข้อมือเล็กๆ ครอบคลุมการใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลกิจกรรมพื้นฐานทั่วไประหว่างวัน โดยที่ยังใช้เล่นกีฬาต่างๆ ได้ด้วย จะมีแค่พวกวิ่งหรือปั่นจักรยานกลางแจ้ง ที่ต้องใช้ GPS จากมือถือในการบันทึก รวมถึงตัวหน้าจอเป็น IPS เวลาออกแดดแล้วยังสู้แสงไม่ค่อยดีนัก

เหมาะสำหรับคนใช้งานทั่วไป ไม่ได้เน้นการเล่นกีฬาเป็นหลัก ขนาดเล็กน่ารัก น้ำหนักไม่มาก สวมใส่ได้สบายๆ ตลอดทั้งวัน แบตเตอรี่ถือว่าค่อนข้างอึดเลย ชาร์จเต็ม 100% ใช้งานทั่วๆ ไปอยู่ได้เกิน 10 วันได้แบบสบายๆ และยังกันน้ำได้ 5ATM ใช้ใส่ว่ายน้ำได้ด้วย

รีวิว Amazfit Bip U

จุดเด่น

  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่สบายไม่รำคาญเวลานอน
  • เก็บข้อมูลกิจกรรมระหว่างวัน รวมถึงการนอนได้ค่อนข้างดี
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานต่อเนื่องได้หลายวัน
  • เมนูและการแจ้งเตือนรองรับภาษาไทย ฟอนต์อ่านง่าย
  • รองรับกิจกรรมออกกำลังกายได้หลายแบบ
  • การกระโดดเชือก มีนับจำนวนครั้งให้อัตโนมัติ
  • หน้าปัดมีให้เลือกเปลี่ยนได้หลายแบบ
  • มีวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด SpO2

ข้อสังเกต

  • ไม่มี GPS มาให้ในตัว การออกกำลังกายกลางแจ้งต้องใช้จากสมาร์ทโฟน
  • สายซิลิโคนค่อนข้างแข็ง และระบายเหงื่อไม่ค่อยดีนัก
  • ไม่มีปรับระดับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
  • หน่วยความจำของตัวนาฬิกา สามารถติดตั้ง Watchface ได้แค่ 4 แบบ