True

TRUE 5G รายแรก รายเดียว ครอบคลุมในกรุงเทพ,ปริมณฑล กว่า 98%

TRUE 5G เครือข่ายอัจฉริยะ ครบกว่า เร็วแรงกว่า ที่ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพและปริมณฑล กว่า 98%ครอบคลุมกว่าใน 77 จังหวัดทั่วไทย

ครบที่สุด ทรูมูฟ เอชมีคลื่นความถี่ที่ใช้ในการประกอบกิจการทั้งหมด 7 ย่านความถี่ทั้งความถี่ สูง กลาง และต่ำ อันได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz, 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz ทำให้ ทรูมูฟ เอช มีคลื่นความถี่ย่านต่าง ๆ มากกว่าแบรนด์อื่นในตลาด ปรากฏตามภาพจึงถือได้ว่าเป็นรายแรก รายเดียว ที่มีคลื่นความถี่ครบ 7 ย่านความถี่มากที่สุดและครบที่สุดในไทยทำให้ทรูมูฟ เอชสามารถให้บริการได้ครบและตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ได้ลงตัว และ ทรูมูฟ เอช ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายโครงข่ายเพื่อให้มีสัญญาณครอบคลุมทั่วถึงทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย

เร็วแรงกว่า กับประสบการณ์เร็วแรง ที่มากกว่าเดิมถึง 2000 % (หรือ 20 เท่า) การันตีอันดับ 1  เร็วแรงสุด ทั่วไทย 5 ปีซ้อน จาก nPerf โดยการที่ ทรูมูฟ เอช มีความเร็วแรงกว่าเดิม ถึง 2000 % เนื่องจาก สัญญาณ5G ของทรูนั้นมีความเร็ว และแรงกว่า 4G มากถึง 2,000% หรือ 20 เท่าเมื่อเทียบกับ 4G

ครอบคลุม และทะลุทลวงมากกว่า ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพกว่า 98% ใช้งานได้แม้ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น รองรับสมาร์ตโฟน 5G ทุกรุ่นในไทย  เนื่องจากทรูมูฟ เอชนำคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz และ 2600 MHz มาให้บริการเพื่อทำงานเสริมประสานซึ่งกันและกัน ส่งผลให้มีความครอบคลุมประชากรทั้งในกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล(นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี) มากกว่า 98% ทำให้สามารถใช้งานได้แม้ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น และยังครอบคลุมพื้นที่ใน 77 จังหวัดที่ทั่วถึงกว่าเดิม

ในเรื่องของ สมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G นั้น True 5G ยังสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน5G ชั้นนำทุกรุ่นในประเทศไทยได้ โดยสมาร์ตโฟนที่รองรับTrue 5G ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 มีดังนี้ iPhone12 mini, iPhone12, iPhone12 Pro, iPhone12 Pro Max, Samsung S20 Ultra 5G,Samsung Note20 5G, Samsung Note20 Ultra 5G, Samsung Galaxy S20 FE, Samsung Galaxy A42 5G, Samsung Galaxy A32 5G, Samsung Galaxy S21 5G, Samsung Galaxy S21+ 5G, Samsung Galaxy S21 Ultra 5G, Vivo V20 Pro5G,Vivo X50 Pro 5G, Mi 10T Pro 5G, Mi10T 5G, Huawei P40 5G, Huawei P40 Pro 5G, Huawei P40 Pro Plus 5G,Huawei Mate 40 Pro 5G, Huawei Nova 7 SE 5G, Huawei Nova 7 5G,Realme 7 5G,Realme X50 5G, Realme X50 Pro 5G,Realme X7 Pro 5G,Oppo Find X2 5G,Oppo Find X2 Pro 5G,Oppo Reno4 Z 5G,Oppo Reno4 Pro 5G, Oppo Reno5 5G, OppoReno5 Pro 5G,One Plus 8T 5G,One Plus Nord N10 5G

จุดเด่น ของคลื่นความถี่ที่นำมาทำ 5G เหมาะกับการใช้งาในแต่ะละประเภทแตกต่างกัน

คลื่น 2600 MHz เป็นคลื่นหลักของ 5G ทั่วโลก ที่ให้ทั้งความเร็ว และครอบคลุม โดยคลื่นความถี่นี้จะให้ความเร็วแรงมาก เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น ในเขตเมือง เป็นต้น

การไม่มีคลื่น 2600 GHz จะทำให้เกิดปัญหาในการรองรับโทรศัพท์ 5G ที่รองรับคลื่นนี้เป็นส่วนใหญ่ และเกิดปัญหาในการใช้ application ที่ใช้ speed สูงกว่า 100 Mbps

คลื่น 700 MHz คลื่นความถี่ต่ำ ความเร็วแรงจะต่ำกว่าคลื่นสูง แต่สามารถเดินทางไปได้ไกลกว่าและทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ได้ดีกว่า ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้เสริมความครอบคลุมให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีมากยิ่งขึ้นในพื้นที่ห่างไกล

คลื่น 26 GHz เป็นคลื่นความถี่สูงมาก หรือย่าน mmWave (millimeter wave) เป็นคลื่นที่รองรับ 5G ในประเทศไทยที่มีความเร็วสูงสุดในปัจจุบัน เหมาะกับการส่งข้อมูลระยะสั้นที่ต้องการความเร็วสูงมาก ๆ

มีลักษณะเด่นคือ bandwidth กว้างมาก หรือเรียว่าเป็นคลื่นความถี่แห่งอนาคต ที่รองรับสูงสดถึง 400 MHz ต่อช่วงคลื่น (มากกว่า 4G ถึง 20 เท่า) ทำให้ได้ความเร็วในการส่งข้อมูลบนคลื่นนี้สูงสุดได้ถึงระดับ 20 Gbps เหมาะกับการใช้ในอุตสาหกรรม และ IoT ต่าง ๆ การนำสัญญาณ 5G มาใช้งานเฉพาะคลื่นใดคลื่นหนึ่ง อาจทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์เพียงพอ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับได้ทุกย่านความถี่

ปัจจุบันอุปกรณ์ที่เริ่มมีการใช้งานในประเทศไทยจะรองรับคลื่น 2600 เป็นส่วนมาก การที่ผู้ให้บริการโครงข่าย นำคลื่นความถี่ที่เหมาะสมมาใช้จะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้งานทั้งในแง่ของผู้ใช้บริการรายย่อยและผู้ใช้บริการประเภทธุรกิจ

โดยปัจจุบัน กลุ่มทรูฯ มีการเปิดให้บริการคลื่น 2600 MHz, 700MHz (และ 26 GHz ในวันที่ 17 ก.พ. 64) True 5G มีการขยายจำนวนเสาสัญญาณให้มากขึ้นกว่าเดิม กว่า 10,000 เสาทั่วประเทศ คิดเป็น 5 เท่านับจากวันแรกที่เปิดใช้งาน True 5G ส่งผลให้ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพถึง 98% ในทันที และครอบคลุมกว่าใน 77 จังหวัดทั่วไทย รวมถึงพื้นที่ หัวเมืองหลัก สถานที่สำคัญต่าง ๆ และ EEC ซึ่งจะครอบคลุมถึงถนนสายหลักทั่วประเทศ และจะขยายโครงข่ายออกไปในพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้ลูกค้า True 5G สามารถใช้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย