รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

รีวิว Mi Air Purifier Pro H เครื่องฟอกอากาศ สำหรับห้องพื้นที่กว้าง พร้อมสู้ PM2.5

รีวิว Mi Air Purifier Pro H เครื่องฟอกอากาศ ออกแบบมาสำหรับทำงานห้องขนาดใหญ่ พื้นที่ 42-72 ตารางเมตร จัดการฝุ่นละออง PM2.5 ด้วยไส้กรองแบบ HEPA ช่วยให้ห้องอากาศสดชื่น พร้อมรับกับมลพิษที่ยังรายล้อมเราอย่างหนักหน่วงตอนนี้

เครื่องฟอกอากาศของ Xiaomi นั้น ตอนนี้ถือว่าเป็นที่ยอมรับในบ้านเรา ในเรื่องของขนาดที่มีให้เลือกหลากหลาย ประสิทธิภาพในการทำงานที่น่าพึงพอใจ จัดการเรื่องฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมในบ้านได้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องของราคาที่เราสามารถหาซื้อมาใช้ตามบ้านเรือนได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับตัวที่ทีมงานเราจะมา รีวิว นี้คือ Mi Air Purifier Pro H ถือว่าเป็นรุ่นระดับสูง มีจุดเด่นในเรื่องของความสามารถในการกรองอากาศในห้องได้เป็นพื้นที่กว้างที่สุด

ถ้าเรามาดูประสิทธิภาพของ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ในแต่ละรุ่น ตอนนี้จะมีแบ่งออกเป็น 4 รุ่นด้วยกันคือ

  • 3C ตัวนี้น้องเล็กสุด อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้ 320 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กำจัดสาร formaldehyde ได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ไส้กรองแบบ HEPA 99.97% รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับห้องนอน, ห้องชุดคอนโดมิเนียม ที่มีขนาด 22-28 ตารางเมตร
  • 3H ขนาดและหน้าตาจะเหมือนกันกับ 3C แทบทุกอย่าง เรื่องความสามารถ อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้ 380 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กำจัดสาร formaldehyde ได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ไส้กรองแบบ HEPA 99.97% โดยที่จะทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า อยู่ที่ 26-45 ตารางเมตร เหมาะสำหรับใช้ภายในบ้าน หรือว่าห้องรับแขก
  • Pro เป็นรุ่นที่ออกมาก่อนหน้าสักพัก มี อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กำจัดสาร formaldehyde ได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ไส้กรองแบบ HEPA 99.95% และใช้งานครอบคลุมพื้นที่ได้ 35-60 ตารางเมตร เหมาะมากสำหรับการใช้งานในห้องขนาดใหญ่ อย่างห้องประชุม ออฟฟิศ สำนักงาน
รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

และตัวนี้ กับ Mi Air Purifier ProH สามารถทำงานกรองอากาศได้ครอบคลุมมากถึง 42-72 ตารางเมตร ด้วยอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้มากถึง 600 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กำจัดสาร formaldehyde ได้ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ไส้กรองแบบ HEPA 99.97%

เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพมากสุดในตอนนี้ โดยขนาดตัวเครื่องนั้นจะเท่ากับรุ่น Pro ซึ่งพลังของมันขนาดนี้ เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในห้องขนาดใหญ่ อย่างเช่น ห้องเรียน, ร้านอาหาร หรือห้องที่มีคนใช้งานเป็นจำนวนมาก

ดูเรื่องประสิทธิภาพกันไปก่อนแล้ว จะมาดูกันเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องกันต่อเลย Mi AirPurifier Pro H นั้นรูปทรงจะเป็นสี่เหลี่ยมทรงสูงแบบทาวเวอร์ การออกแบบรอบตัวเครื่องจะเพิ่มจำนวนช่องสำหรับดูดอากาศเข้าให้มีจำนวนที่มากขึ้น รวมไปถึงตัวพัดลมดูดอากาศที่จะดึงลมจากด้านล่างมาผ่านไส้กรองแล้วพ่นออกทางด้านบน ก็มีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น และช่องด้านบนก็ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน

รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

ตัวไส้กรอง HEPA ในรุ่น Pro H นั้น จะมีขนาดที่ใหญ่และสูงกว่ารุ่น 3C และ 3H ตัวที่แถมมากับเครื่องจะเป็นสีฟ้า ถ้าต้องการประสิทธิภาพการฟอกที่มากกว่านี้ สามารถไปหาซื้อแบบสีดำมาใช้ก็ได้ การเปลี่ยนไส้กรองก็ทำง่ายดาย เพียงแค่เปิดที่ฝาด้านหลัง ก็ดึงตัวไส้กรองเปลี่ยนได้เลย ซึ่งไส้กรองจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยแล้ว นานสุดอยู่ที่ 14 เดือน

รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

ที่ด้านหลัง จะมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับอนุภาคแบบเลเซอร์ (Laser Particle Sensor) ที่จะมีความแม่นยำในการวัดค่าอากาศ ฝุ่นละอองที่ปะปน ได้แม่นยำกว่าแบบที่ใช้เป็นอินฟราเรด

ด้านหน้าจะมีจอแสดงผล เป็นแบบ OLED ที่รองรับการสั่งงานแบบสัมผัส ซึ่งจะมี 2 ปุ่มให้กด คือปุ่มทางซ้ายเป็นปุ่มปรับความสว่างหรือปิดไฟของหน้าจอ สำหรับเวลาที่ปิดไฟนอนแล้วไม่อยากให้แสงสว่างกวน ส่วนปุ่มขวาจะเป็นปุ่มควบคุม กดค้างจะเป็นการเปิดปิด และกดซ้ำจะเป็นการเลือกโหมดการทำงาน

ในทุกครั้งที่เราเปิดเครื่อง ที่หน้าจอจะมีแจ้งระดับคุณภาพของไส้กรองเป็นเปอร์เซนต์ ซึ่งถ้าเหลือน้อยก็ควรจะเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด ส่วนการเลือกเปลี่ยนโหมดนั้น จะมีเลือกเปลี่ยนได้ทั้งแบบ Auto ที่จะเปลี่ยนกำลังแรงของพัดลมตามคุณภาพอากาศในห้อง โหมด Night (รูปพระจันทร์) สำหรับเวลานอนที่พัดลมจะหมุนช้าทำให้ไม่มีเสียงรบกวน โหมด Favorite การตั้งค่าแบบที่เราชอบ (ต้องทำในแอพ) และเลือกกดเพื่อปรับระดับลมเองได้ 3 ระดับ

ที่หน้าจอนี้จะแสดงผลตัวเลขค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI = Air Quality Index) โดยจะมีขึ้นเป็นสีเพื่อบอกระดับความเหมาะสมเป็นสีด้วย โดยถ้าเป็นสีแดงคือ อากาศคุณภาพแย่มาก สีส้มคือ ปานกลาง ส่วนที่ดีที่สุดคือสีเขียว ที่จะมีค่า AQI ต่ำกว่า 40

รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

การทำงานของ Mi AirPurifier Pro H ยังฉลาดได้สุดๆ เมื่อทำการเชื่อมต่อเข้ากับแอพ Mi Home ให้เราจัดการลงทะเบียนตัวเครื่องเข้ากับระบบแอพ ซึ่งทำได้ไม่ยาก ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายในไทยผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะเป็น Global Version สามารถใช้งานผ่านระบบได้เต็มรูปแบบ

เมื่อเชื่อมต่อกับแอพ Mi Home เรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราจะสามารถควบคุมการทำงานตัวเครื่องจากในแอพได้เลย ทั้งการเปิดปิดเครื่อง , ตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องแบบ schedule, เลือกตั้งค่าการทำงานในโหมด Favorite โดยการสั่งงานนี้ คุณสามารถสั่งให้มันทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องอยู่ที่บ้าน แค่เปิดแอพเข้ามากดเปิดเครื่องระหว่างที่กำลังกลับบ้าน เพื่อมาถึงบ้านแล้วอากาศในบ้านก็สะอาดสดชื่นทันที

และให้คุณสะดวกขึ้นไปอีก เมื่อทำการเชื่อมต่อระบบ Mi Home เข้ากับผู้ช่วยแบบระบบสั่งงานด้วยเสียง ที่รองรับได้ทั้ง Google assistant และ Amazon alexa คุณสามารถพูดสั่งเปิดปิดการทำงานเครื่องด้วยคำเสียงได้เลย

สรุป Mi Air Purifier Pro H คุ้มค่ามั้ย? กับ ราคา 8,990 บาท

เครื่องฟอกอากาศของ Xiaomi นั้น ดีมากกับเรื่องของดีไซน์ ที่ดูเรียบๆ สีขาวทรงสูง ที่เอาไปตั้งไว้ในบ้านหรือจุดไหนก็ดูกลมกลืนไม่โดดเด่น โดยตัวรุ่น Pro H นี้ เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่มีขนาดใหญ่ อาจจะเป็นบ้านทั้งชั้น หรือห้องขนาดใหญ่ๆ ทั้งห้องรับแขก

รีวิว Mi Air Purifier Pro H ราคา

หรือจะใช้ในอาคารสำนักงานในส่วนของห้องประชุม ที่มีคนอยู่หลายๆ คน รวมถึงร้านอาหารขนาดเล็กที่เป็นห้องแอร์ก็เหมาะ เพราะมันช่วยจัดการให้อากาศสดชื่นและช่วยจัดการเรื่องกลิ่นได้ด้วย ด้วยไส้กรองที่เป็นแบบ HEPA รุ่นอัพเกรด ที่กรองละเอียดถึง 3 ชั้น จัดการกับอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% และดักจับควัน, ฝุ่น, ขนสัตว์, สปอร์เชื้อรา, ละอองเกสร ฯลฯ

แนะนำอีกนิดสำหรับการตั้งเครื่องฟอกอากาศนั้น เราไม่ควรตั้งเครื่องให้ชิดกับกำแพง เพราะว่าที่ด้านหลังนั้นมีเซ็นเซอร์วัดค่าอยู่ แนะนำให้ตั้งห่างจากกำแพงพอสมควร เพื่อให้เซ็นเซอร์ทำงานได้แม่นยำมากขึ้น และถ้าเป็นไปได้ ให้วางในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้อากาศพัดเข้าจากรอบได้ด้านดี และดึงอากาศจากทั่วห้องมาฟอกได้เต็มที่ อย่าเอาไปตั้งตามซอกข้างเฟอร์นิเจอร์ ข้างตู้

สำหรับใครที่สนใจ Mi AirPurifier Pro H สามารถหาซื้อได้แล้วผ่านทางร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Xiaomi รวมถึงช่องทางออนไลน์ ของ Xiaomi Official Store ที่มีทั้งใน Lazada, Shopee และ JD Central