Genshin Impact กวาดรายได้เกือบ 400 ล้านเหรียญภายในเวลาแค่ 2 เดือน

Genshin Impact ทำรายได้ประมาณ 393 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2 เดือนแรก หลังเปิดตัววันที่ 28 กันยายน เป็นอันดับ 2 ของเกมที่ทำได้สูงสุดบนมือถือ อันดับ 1 คือเกม RoV โดยรายได้ในเดือนที่สองคิดเป็น 148 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดือนแรกที่ทำยอดไปถึง 245 ล้านดอลลาร์

ในช่วงเดือนแรก Genshin Impactทำรายได้ไปประมาณ 245 ล้านดอลลาร์ โดยตัวเกมได้แรงบันดาลใจจาก Zelda: Breath of the Wild ที่มีประเด็นมากมายในช่วงแรก ทำให้เกิดกระแสและวิดีโอมากมายบน Twitch และ YouTube ทำให้ Google Play ยกให้เป็น Game of the year 2020

Genshin Impact

การทำรายได้นี้ ยังแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นเกมบนบนมือถือนั้นมีเยอะจนสามารถแข่งขันกับเกมที่อยู่บน PC หรือคอนโซลได้เลยทีเดียว และความสำเร็จของ Genshin นับเป็นความสำเร็จระดับโลกที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับเกม RPG บนมือถือเกมอื่น ๆ

“Genshin Impact เป็นเกม RPG บนมือถือเพียงเกมเดียว ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงต้นของการเปิดตัว แน่นอนว่ายังไม่นับรวมร้านค้า Android ของประเทศจีน”

Randy Nelson จาก Sensor Tower กล่าว “มีเกมอื่น ๆ ที่ทำได้ดีมาก แต่โดยทั่วไปแล้วความสำเร็จเหล่านั้นมักจะเกิดขึ้นแค่ในบางประเทศเช่นเกม Lineage ในเกาหลีใต้หรือเกม MMO บนมือถือของ Tencent ในประเทศจีน และเกมนี้ สามารถทำผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับสากลและความสำเร็จนี้หายากมากในเกมมือถือที่ผลิตโดยสตูดิโอเกมจากจีน”

Sensor Tower กล่าวว่า Genshin Impact เป็นเกมมือถืออันดับ 2 ที่สร้างรายได้สูงสุดในโลก ส่วนอันดับ 1 คือเกม Honor of Kings หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ RoV เกมสุดฮิตจากค่าย Tencent โดย Sensor Tower ประเมินว่า GenshinImpact ทำรายได้มากกว่า 6 ล้านเหรียญต่อวัน นับตั้งแต่เปิดตัว

Genshin Impact

ไม่ต้องแปลกใจเลยที่จีนเป็นตลาดอันดับ 1 ของเกมนี้ สำหรับการใช้จ่ายของผู้เล่นโดยมีมูลค่ากว่า 120 ล้านดอลลาร์ (30.5%) ภายใน 2 เดือน ญี่ปุ่นเป็นอันดับ 2 ด้วยรายได้ประมาณ 98 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25%) และสหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ที่ 74 ล้านดอลลาร์ (18.8%) และอันดับ 4 เกาหลีใต้

ยุโรปเป็นภูมิภาคเดียวที่ไม่ได้ให้ความสนใจมากขนาดนั้น “จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นการใช้จ่ายจากยุโรปมากนัก ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของที่นั่นคือเยอรมนีแต่คิดเป็นเพียง 2.4% ของรายได้ของเกม” เนลสันกล่าว

ที่น่าสนใจคือรายได้จากผู้เล่นบนระบบ iOS โดยมีรายได้ประมาณจาก iOS อยู่ที่ราว ๆ 226 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 57.5% ของรายได้

ที่มา venturebeat