ซื้อ iPhone 12 รุ่นไหนดี ? 12, 12 mini, 12 Pro, 12 Pro Max ซื้อที่ไหน คุ้มสุด

ปีนี้คนที่จะซื้อ ไอโฟน ใหม่อาจจะต้องคิดหนัก เพราะแอปเปิลออกมาทีเดียวพร้อมกันถึง 4 รุ่น คือ iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ตัวเลือกเยอะขนาดนี้ อาจจะลังเลว่า เอ… ซื้อ รุ่นไหนดี ? ใช้ iPhone 11 อยู่ จะเปลี่ยนใหม่ดีมั้ย? แล้วจะเลือกรุ่นไหนที่ คุ้มสุด

ปี 2020 ถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงของ ไอโฟน ค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องของดีไซน์แบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจาก iPhone 11 แบบก้าวกระโดด กล้องถ่ายภาพและวิดีโอจากเดิมที่ว่าดีแล้ว มาในปีนี้พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ที่ให้การใช้งานสมาร์ทโฟนของคุณมีประสบการณ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ไอโฟน 12 ทั้ง 4 รุ่น มีอะไรบ้างที่เหมือนกัน

ก่อนจะไปดูว่า จะเลือกซื้อ iPhone 12 รุ่นไหนดี เรามาดูสเปคที่ปรับปรุงใหม่ของทั้ง 4 รุ่นนี้กันก่อน ที่แม้ว่าจะมีหลายรุ่น แต่ก็มีหลายอย่างที่ทั้ง 4 รุ่นนั้นใช้สเปคเดียวกัน

ชิป A14 Bionic : ครั้งแรกกับชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟน ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร มี Neural Engine แบบ 16 คอร์ที่เข้ามาช่วยยกระดับการเรียนรู้ของระบบ Machine Learning ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 80% สามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที

รองรับใช้งาน 5G : เป็นครั้งแรกของไอโฟน ที่รองรับระบบเครือข่ายแบบ 5G ที่มีความเร็วแรงแบบสุดๆ และตอนนี้ในประเทศไทย โอเปอเรเตอร์ก็เปิดให้บริการ 5G เป็นที่เรียบร้อย พร้อมใช้งานร่วมกับ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นได้ทันทีที่วางจำหน่ายในไทย

เชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 : ไอโฟน 12 ได้อัปเกรดรองรับการเชื่อมต่อไร้สายมาตรฐานใหม่ล่าสุดอย่าง Wi-Fi 6 เป็นที่เรียบร้อย ทำให้การใช้งานเชื่อมต่อกับอินเทอร์เนตในบ้าน ผ่านเราเตอร์มาตรฐานใหม่ ได้สัญญาณที่แรงขึ้น ทำความเร็วได้แรงถึงระดับกิกะบิตได้อีกด้วย

หน้าจอ OLED Super Retina XDR : ครั้งนี้แอปเปิลเลือกใช้เป็นจอ OLED ทุกรุ่น ไม่มีแบบ IPS แล้ว ซึ่งให้ภาพที่สวยงามคมชัด สีสันสดใส รองรับการชมคอนเทนต์แบบ HDR มีค่าคอนทราสต์สูงถึง 2,000,000:1 ดังนั้นจะเลือกรุ่นไหนก็ได้จอที่สวยงามเหมือนกัน ต่างกันที่ขนาดและความละเอียดเท่านั้น

Ceramic Shield : กระจกหน้าจอแบบใหม่ ที่มีการผสมผลึกนาโนเซรามิกลงไปในแมทริกซ์ของกระจก ทำให้มันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สามารถทนต่อแรงตกกระแทกได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า โดยที่แอปเปิลบอกว่า กระจกแบบ Ceramic Shield นี้เป็นกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟนที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้อีกด้วย

กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Face ID : แอปเปิลยังใช้กล้องหน้าที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเช่นเดิม แต่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีกว่าเดิม ด้วยประสิทธิภาพของชิป A14 Bionic มาช่วยประมวลผลภาพและวิดีโอให้ดียิ่งขึ้น

ถ่ายวิดีโอแบบ HDR Dolby Vision : ถือว่าเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนสามารถถ่ายวิดีโอได้ถึงมาตรฐานนี้ และไม่ใช่แค่ถ่ายอย่างเดียว แต่ยังสามารถตัดต่อคลิปวิดีโอ HDR ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมแชร์ได้ทันที

กันน้ำกันฝุ่น มาตรฐาน IP68 : หมดกังวลเรื่องเปียกน้ำ ตากฝน คุณสามารถใช้งาน ไอโฟน 12 ได้ในเวลาที่ฝนตก หรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด ที่โดนน้ำหกใส่หรือตกน้ำ ก็ยังปลอดภัย แต่เราก็ไม่แนะนำให้คุณนำไปใช้งานหรือถ่ายภาพใต้น้ำนะ

รองรับการชาร์จเร็ว 20W : ไอโฟน 12 ทั้ง 4 รุ่นรองรับการชาร์จเร็วที่ระดับ 20W ผ่านสาย USB-C to Lightning ที่แถมมาให้ในกล่อง ทำให้ไม่ต้องรอนานในการชาร์จแบตเตอรี่

รองรับ MagSafe และระบบชาร์จไร้สาย 15W : อุปกรณ์เสริมแบบใหม่สำหรับการใช้งานชาร์จแบบไร้สาย ที่ตัวชาร์จจะมีแม่เหล็กเพื่อติดกับดันหลังเครื่องไอโฟน 12 ได้อย่างแม่นยำ วางชาร์จได้แบบไม่ต้องเล็งหมุนไปหมุนมา อีกทั้งระบบชาร์จไร้สายจะเป็นชาร์จเร็วที่ 15W

เอาล่ะ คราวนี้ เรามาดูไอโฟน 12 ในแต่ละรุ่นกันว่า มีอะไรบ้างที่เป็นจุดเด่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น เพื่อจะได้เป็นแนวทางการตัดสินใจว่าจะเลือก รุ่นไหนดี ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด

ซื้อ iPhone 12 รุ่นไหนดี

iPhone 12

ความจุราคา
64GB29,900 บาท
128GB31,900 บาท
256GB35,900 บาท

ถือว่าเป็นรุ่นมาตรฐาน ในระดับเริ่มต้น ที่ปีนี้สเปคถือว่าทำออกมาน่าสนใจมาก มาด้วยขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว (ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล) ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4 มิลลิเมตร น้ำหนัก 162 กรัม

กล้องหลังเป็นแบบกล้องคู่ มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 มีกันสั่นแบบ OIS กับกล้องมุมกว้างแบบ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงที่ f/2.4 ทำให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้สว่างชัดมากขึ้น พร้อมทั้งมี Deep Fusion มาช่วยประมวลผลภาพให้มี noise ลดลง ส่วนการถ่ายวิดีโอจะถ่าย แบบ HDR Dolby Vision สูงสุด 30 fps และ 4K ได้สูงสุด 60fps ตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ น้ำเงิน เขียว ดำ ขาว และ แดง PRODUCT RED

ทำไมต้องเลือก iPhone 12 หลายปีที่ผ่านมา ไอโฟนรุ่นมาตรฐานเริ่มต้น ถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมและมียอดขายมากที่สุดติดต่อกันหลายปี เพราะว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด ทั้งเรื่องของขนาดตัวเครื่องและหน้าจอ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานแบบมือเดียว ส่วนเรื่องของกล้องถึงแม้ว่าจะเป็นกล้องคู่แต่ก็ถ่ายออกมาได้ดีน่าประทับใจ โดยที่ปีนี้ iPhone 12 ปรับสเปคกล้องในส่วนของรูรับแสงที่กว้างขึ้น ทำให้สามารถถ่ายภาพเวลากลางคนได้ดียิ่งกว่าเดิม

รวมถึงเรื่องของราคา ก็ยังอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นด้วยราคาที่ยังไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับใครที่อยากใช้ไอโฟนแบบได้ประสบการณ์ที่ดีครบ ในราคาที่ไม่ต้องสูงมาก เลือก iPhone 12 ได้เลย

ซื้อ iPhone 12 รุ่นไหนดี

iPhone 12 mini

ความจุราคา
64GB25,900 บาท
128GB27,900 บาท
256GB31,900 บาท

ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์มากๆ สำหรับปีนี้ เพราะแอปเปิลส่งไอโฟนขนาดเล็กไซส์มินิ ออกมาให้เป็นตัวเลือก ด้วยขนาดของหน้าจอเพียง 5.4 นิ้ว แต่คมชัดด้วยความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาดเครื่อง 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร และหนักเพียงแค่ 133 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลกแล้วตอนนี้

ด้วยขนาดที่เล็กลงนั้น แต่สเปคด้านอื่น ทั้งชิปเซต, กล้องหน้า, กล้องหลัง, รองรับ Magsafe ฯลฯ เหมือนกับ iPhone 12 ทุกประการ จะมีต่างหน่อยก็เรื่องขนาดของแบตเตอรี่ที่เล็กกว่าเพราะขนาดเครื่องที่เล็กลง นอกนั้นเหมือนกันหมด

ทำไมต้องเลือก iPhone 12 mini – ขนาดที่เล็กขนาดนี้ ถ้าให้จินตนาการภาพ ก็คือ ขนาดพอๆ กับ iPhone 4 เลย แต่ว่าหน้าจอเต็มพื้นที่ และคมชัดกว่ามากๆ ด้วยไซส์จุ๋มจิ๋มแบบนี้ ใครที่เป็นผู้ชายไซส์หมี ที่มือใหญ่ๆ อาจจะไม่ถูกใจ แต่กับสาวๆ ไซส์หมาปอม น่าจะรักเลย เพราะมันเล็กพอดีมือ พกง่าย ใส่กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือได้แบบสบายๆ ส่วนสีก็มีให้เลือก 5 สี เหมือนกับ iPhone 12 เช่นกัน

เรื่องของราคาก็ถูกลงมากว่า iPhone 12 ถึง 4,000 บาท ใครอยากได้สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กๆ น้ำหนักเบาหวิวแบบที่หาไม่ได้แล้วจากสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น iPhone mini นี่ล่ะเกิดมาเพื่อคุณ แต่มันอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นประเภทติดมือถือ เล่นทั้งวัน เพราะแบตเตอรี่นั้นก็น้อยลงตามขนาดเครื่อง อาจจะต้องชาร์จแบตถี่กว่าปกติด้วย

iPhone 12 Pro

ความจุราคา
128GB36,900 บาท
256GB40,900 บาท
512GB48,900 บาท

ขยับขึ้นมาอีกขั้นสู่รุ่นโปร ตัวหน้าจอนั้นเรียกว่า เท่ากับ iPhone 12 เลย คือ 6.1 นิ้ว (ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล) ส่วนตัวเครื่องขนาด 146.7 x 71.5 x 7.4 มิลลิเมตร เท่ากันเป๊ะแบบใส่เคสด้วยกันได้เลย แต่น้ำหนักจะมากกว่านิดนึง อยู่ที่ 187 กรัม

สิ่งที่ iPhone 12 Pro ทำได้ดีกว่าก็คือเรื่องของกล้องหลัง ที่เป็นแบบ 3 กล้อง ประกอบด้วย มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 พร้อมระบบกันสั่น OIS ปรับปรุงเรื่องการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยแล้วถึง 27%

ทำงานร่วมกับกล้องเลนส์มุมกว้างแบบ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และเลนส์ตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.0 ทางยาวโฟกัส 52 มม. สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 4 เท่า และซูมแบบดิจิทัลได้ 10 เท่า

ใน iPhone 12 Pro นั้น นอกจากจะถ่ายวิดีโอแบบ HDR Dolby Vision ได้แล้ว ยังรองรับการถ่ายภาพมาตรฐานใหม่ Apple ProRAW ที่เป็นกระบวนการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรม และประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ของ Apple ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะบน iPhone หรือใช้แอปแต่งรูปต่างๆ

นอกจากนี้ กล้องหลังยังเพิ่ม LiDAR Scanner แบบใหม่ ที่ช่วยวัดระยะทางของแสง ให้ข้อมูลความลึกระดับพิกเซลของฉากนั้น เทคโนโลยีนี้จะมอบประสบการณ์ AR ที่ให้ความสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยช่วยเรื่องออโตโฟกัสในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า ให้ความแม่นยำยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาในการบันทึกภาพและวิดีโอ

สีของ iPhone 12 Pro จะมีให้เลือก 4 สีด้วยกันคือ สีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู ที่ให้สีสันดูหรูหรากว่า iPhone 12 และ 12 mini

ทำไมต้องเลือก iPhone 12 Pro – เรื่องของราคานั้น ถ้าเทียบกับ iPhone 12 แล้ว รุ่นโปรจะมีราคาเริ่มต้นต่างกันอยู่ที่ 7,000 บาท แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ ขนาดความจุของเครื่องที่มากกว่า ใน iPhone 12 เร่ิมต้นที่ 64GB ส่วน iPhone 12 Pro เริ่มต้นที่ 128GB และมีให้เลือกมากสุดถึง 512GB เรื่องกล้องก็เพิ่มกล้อง Telephoto ทำให้สามารถซูมได้ระยะที่ไกลกว่าและคมชัดกว่า และมี LiDAR มาช่วยเรื่องการจับโฟกัสได้รวดเร็ว รวมถึงถ่ายภาพแบบ Apple ProRAW ให้คุณมาปรับแต่งแก้สีทีหลังได้อีก

การจะเพิ่มเงินอีก 7,000 บาท แล้วเลือกเป็นรุ่นโปรไปเลย ก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะคุณจะได้ประสบการณ์เรื่องถ่ายภาพและวิดีโอที่ดีขึ้นมาก และตัวเครื่องที่ใช้สีแบบดูหรูหรากว่า (โดยเฉพาะสีทอง)

iPhone 12 Pro Max

ความจุราคา
128GB39,900 บาท
256GB43,900 บาท
512GB51,900 บาท

ถ้าโปรยังไม่พอ ไปให้สุดกับ iPhone 12 Pro Max กับขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าใครเพื่อน 6.7 นิ้ว (ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล) ตัวเครื่องมิติ 160.8 x 78.1 x 7.4 มิลลิเมตร และหนัก  226 กรัม เรียกได้ว่าใหญ่เต็มไม้เต็มมือ แต่ก็ถูกใจสำหรับคนที่ชอบสมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆ เอาไว้เล่นเกม ดูหนังแบบใหญ่เต็มๆ ตา

เรื่องประสิทธิภาพกล้องทั้งหมดเหมือนกับรุ่น 12 Pro แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อย ในส่วนกล้องหลักที่มีความสามารถในการถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ดีกว่า แอปเปิลบอกว่าด้วยเซนเซอร์ที่ขนาดใหญ่ขึ้น 47% และพิกเซลขนาด 1.7μm รุ่น 12 Pro Max จึงสามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นมากถึง 87% และระบบกันสั่นของกล้องจะเป็นแบบ OIS ที่ใช้การปรับตำแหน่งของเซนเซอร์

และตัวกล้องเลนส์ Telephoto จะมีประสิทธิภาพในการซูมได้ระยะมากกว่า ด้วยทางยาวโฟกัส 65 มม. รูรับแสง f/2.2 ที่เป็น ซูมแบบออปติคอลได้ 2.5 เท่า และซูมแบบดิจิทัลได้ 12 เท่า

ทำไมต้องเลือก iPhone 12 Pro Max – ส่วนต่างเรื่องราคาเทียบกับ 12 Pro แล้ว สูงกว่าที่ 3,000 บาท แต่ได้กล้องที่ดีขึ้นอีกนิด จอใหญ่ขึ้น แบตที่ใหญ่ขึ้น คนที่อยากได้ไอโฟนไว้สำหรับเล่นเกม หรือทำคอนเทนต์ทั้งถ่ายวิดีโอ ตัดต่อ แต่งภาพ ฯลฯ เราก็คงว่าไปให้มันสุดๆ ด้วยรุ่น 12 Pro Max ไปเลย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

ซื้อ iPhone 12 กับ AIS 5G รับประสบการณ์ เร็ว แรง ยิ่งกว่าใคร บนเครือข่ายที่คลื่นมากที่สุด

ตอนนี้คุณคงจะรู้แล้วว่า iPhone 12 รุ่นไหนดี ที่เหมาะสำหรับคุณมากที่สุด มากันต่อเรื่องการเลือกซื้อ ถ้าคุณอยากซื้อเครื่องเปล่า แบบไม่ติดโปร แนะนำว่าซื้อกับ Apple Store ตรงเลยก็ได้ สำหรับล็อตแรกเราแนะนำว่าให้สั่งออนไลน์ส่งไปที่บ้านเลย จะสะดวกกว่าไปรับที่ Apple Store นอกจากคุณอยากจะได้บรรยากาศต่อคิวหน้าร้านยาวๆ เพื่อรับเครื่องวันแรก

แต่ถ้าอยากจะซื้อแล้ว ได้ราคาที่คุ้มที่สุด ส่วนลดเยอะ โปรโมชั่น ที่ให้สิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม ขอแนะนำ iPhone 12 กับทาง เอไอเอส เพราะอีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงนอกเหนือจากราคา ก็คือ ความพร้อมของเครือข่าย 5G ที่ตอนนี้ Network 5G ของทาง AIS นั้น ขยายสัญญาณครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ

อีกทั้งเรื่องของจำนวนคลื่นที่ทาง AIS มีถือครองเอาไว้มากที่สุด ครบในทุกช่วงของคลื่น ทำให้เป็นสเปคตรัมที่พร้อมพัฒนาและรองรับการทำงานของ 5G ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้คุณได้ประสบการณ์ที่เร็วแรงที่ดีที่สุด บน iPhone 12 และโปรฯ ไอโฟนของ เอไอเอส ยังให้คุณเล่นเน็ต 5G แบบเต็มสปีด แบบไม่จำกัด พร้อมอีกหลากหลายสิทธิพิเศษให้แบบจัดเต็มสุดๆ อีกด้วย

โปรโมชั่น เอไอเอส จอง iPhone 12

สั่งซื้อล่วงหน้า iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ลดสูงสุด 17,400 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ดูรายละเอียด และสั่งจองได้ที่ https://m.ais.co.th/4RHEgQlU8

  • ผ่อน 0% นาน 24 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 28%
  • รับสิทธิ์เซเรเนดทันที เมื่อสมัครแพ็กเกจ AIS 5G One Plan for iPhone
  • ใช้ AIS Points รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท
  • ย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
  • รับส่วนลดทันที 20% สำหรับอุปกรณืเสริม Apple
  • รับส่วนลดการซื้อแอปผ่าน App Store สูงสุด 2,400 บาท/ปี เมื่อเลือกชำระค่าแอปผ่านบิล AIS
  • รับฟรี iCloud 50GB นาน 3 เดือน
  • รับฟรี Apple TV+ นาน 1 ปี
  • รับฟรี Apple Music นาน 3 เดือน
  • รับฟรี YouTube Premium ดูยูทูปแบบไม่สะดุด ไม่มีโฆษณาคั่น นาน 6 เดือน
  • ฟรี AIS Play Family แพ็กเกจดูหนัง ซีรี่ย์ คอนเสิร์ต นาน 3 เดือน

ราคาโปรโมชั่น Hot Deal Easy Pay ผ่อนสบาย 24 เดือน

AIS ราคา โปรโมชั่น จอง iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max
AIS ราคา โปรโมชั่น จอง iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max

*โปรโมชั่น ราคาพิเศษ เมื่อผ่อนร่วมกับบัตรเครดิต Citibank Ready Credit และ SCB Speedy Cash

โปรโมชั่น AIS Hot deal เครื่องราคาพิเศษ พร้อมแพ็กเกจ AIS 5G One Plan for iPhone

iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เริ่มเพียง 27,100 บาท ลูกค้าเซเรเนดรับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บ. สำหรับลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่ายเบอร์เดิม เปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือน และลูกค้าปัจจุบันในระบบรายเดือน

iPhone 12 รุ่นไหนดี

ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ iPhone 12 รุ่นใหม่ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ดูรายละเอียดราคาได้ที่ https://m.ais.co.th/4RHEgQlU8