พบข้อมูล รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อข้อมูลจากระบบติดตามตัวพลเมือง ที่แอบฝังไว้ในแอปมือถือกว่า 500 ตัว

เหตุผลหนึงที่รัฐบาลสหรัฐฯหยิบยกขึ้นมาเพื่อแบนแอปจากประเทศจีนอย่าง TikTok WeChat และอื่นๆ คือการอ้างเรื่องความมั่นคงของชาติ และพวกเขามองว่าแอปเหล่านี้สามารถถ่ายโอนข้อมูลของพลเมืองสหรัฐฯไปยังรัฐบาลจีนได้ จากรายงานล่าสุดของ The Wall Street Journal ดูเหมือนว่า ทางรัฐบาลของสหรัฐฯเองก็ทำการสอดแนมพลเมืองสหรัฐฯเช่นกัน

ในรายงานระบุว่ารัฐบาลสหรัฐนั้น ติดต่อกับ Anomaly Six LLC บริษัทที่จัดการฝังซอร์ฟแวร์ที่ใช้ติดตามแอปมือถือที่พลเมืองสหรัฐฯ นิยมใช้งานกว่า 500 ตัว  โดยบริษัทดังกล่าวมีการจ่ายเงินให้กับผู้พัฒนาแอปมือถือให้ใส่โค๊ดการติดตามตัวลงไปในแอปด้วย และระบบติดตามตัวจะรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนจากอุปกรณ์มือถือทุกเครื่องที่ใช้งานแอปดังกล่าว  จากนั้นทาง Anomaly Six LLC เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและขายให้กับทางรัฐบาลสหรัฐฯ

ถ้าวิธีการนี้เกิดกับแอปของประเทศจีนล่ะก็ รัฐบาลสหรัฐฯ คงจะอยู่เฉยไม่ได้ และหาทางจัดการเป็นแน่!

รายงานยังระบุอีกว่า ไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย ตราบใดที่ข้อมูลที่ถูกรวบรวมยังไม่ถูกขายเพื่อวัตถุประสงค์ทางเชิงพาณิชย์ เช่น การตลาด หรือการโฆษณา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะบอกว่าข้อมูลที่ถูกรวบรวมไปเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนก็ตาม แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องเป็นห่วง โดย The Wall Street Journal เผยว่ามีหลายวิธีที่สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนเหล่านั้นเป็นของใครและใครเป็นเจ้าของเครื่อง/อุปกรณ์นั้น

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจ้าของเครื่องไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์มือถือในตอนกลางคืนในขณะที่เขานอนหลับไปแล้ว และตำแหน่งของอุปกรณ์ในขณะนั้นก็น่าจะเป็นที่บ้านของเจ้าของเครื่อง เมื่อข้อมูลถูกส่งไปแล้ว ก็ไม่ยากมากที่จะเกาะรอยหาข้อมูลอื่นๆ ของเจ้าของเครื่อง เช่น เขาทำงานที่ไหน พวกเขาไปกินข้าวนอกบ้านที่ไหน พวกเขาเดินทางยังไง ฯลฯ หรือแปลให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปใช้เกาะรอย และสืบข้อมูลส่วนตัว รวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ตาม Anomaly Six LLC ยืนยันว่ารายงานดังกล่าวของ The Wall Street Journal เป็นเรื่องจริง แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่ามีแอปใดบ้างที่พวกเขาเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย สื่อ The Wall Street Journal เองก็ไม่มีข้อมูลว่ามีแอปอะไรบ้างที่ถูกฝังระบบติดตามตัว รวมถึงไม่มีข้อมูลว่ารัฐบาลสหรัฐฯ นำข้อมูลเหล่านั้นไปทำอะไรบ้าง คาดเดากันว่าเอาไว้ใช้เพื่อจุดประสงค์ในการบังคับใช้ทางกฎหมาย และการต่อต้านการก่อการร้าย

ที่มา : Gizchina
รูปจาก : freepik