พรีวิว Vivo TWS Neo

พรีวิว Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย คุณภาพเสียงทรงพลังระดับสตูดิโอ

พรีวิว หูฟังไร้สาย รุ่นแรกในเมืองไทย กับ Vivo TWS Neo เน้นเด่นเป็นพิเศษกับคุณภาพเสียงดีระดับสตูดิโอ ทำงานร่วมกับ AI ที่ชาญฉลาด ให้ประสบการณ์ฟังเพลงและใช้งานที่น่าประทับใจ

เป็นอีกแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก ที่ส่งหูฟังไร้สายลงตลาดประเทศไทย และสำหรับ Vivo ที่ขึ้นชื่อเด่นในเรื่องของระบบเสียงที่ดี คุณภาพระดับ Hi-Fi พร้อมกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ากับหูฟังไร้สายตัวนี้จะมีความน่าสนใจเป็นพิเศษอย่างแน่นอน

พรีวิว Vivo TWS Neo

Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย ออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยม

ทางวีโว่ได้รวบรวมเอานวัตกรรมใหม่ล่าสุดในตลาด มาพัฒนาเป็นหูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดตัวนี้ ด้วยสเปคที่สดใหม่สุดๆ ตั้งแต่เลือกใช้ชิป Qualcomm รุ่นที่ 4 รองรับ aptX ที่ให้เสียงที่มีความเสถียรมากขึ้น และมีความหน่วงของสัญญาณที่ต่ำมาก เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 5.2 ที่ส่งสัญญาณได้ชัดเจนไม่ถูกรบกวน พร้อมทั้งยังใช้ AI เข้ามาช่วยตัดเสียภายนอกรอบข้าง ช่วยให้ในการฟังเสียงต่างๆ ไม่ถูกรบกวน

พรีวิว Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย

แกะกล่องUnbox ออกมา ในแพ็กเกจนั้นจะมีเอกสารคู่มือการใช้เบื้องต้นให้มาพร้อมเอกสารข้อมูลการรับประกัน และจะมีสาย USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตลับชาร์จแบบ USB-C ให้มาด้วย (ซ่อนอยู่ใต้ถาดพลาสติกที่ใส่ตัวหูฟัง แกะออกมาถึงจะเจอ)

มาดูกันที่เรื่องของดีไซน์กันต่อเลย Vivo TWS Neo มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี 2 สไตล์ คือสีขาว Moonlight White และสีดำเหลือบน้ำเงิน Starry Blue เลือกได้ตามความชอบ ส่วนตัวค่อนข้างชอบ Starry Blue เป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่ดำเรียบๆ แต่มีเหลือบสีที่ให้ความรู้สึกหรูหราคมเข้มขึ้น

ตัวเคสสำหรับเก็บหูฟัง ออกแบบมาเป็นทรงเหลี่ยมมนคล้ายก้อนหิน ด้วยมิติ 58.1 × 51.6 × 24.0 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าขนาดกำลังพอดี น้ำหนักรวมตัวหูฟังด้วยอยู่ที่ 45.7 กรัม พกพาง่ายไม่เกะกะแล้วก็ไม่หนักอีกด้วย

การเปิดใช้งานจะเป็นเปิดฝาด้านบน โดยตัวหูฟังจะเป็นเสียบลงไปในในแนวตั้ง ทำให้เวลาหยิบออกหรือเสียบเข้าชาร์จทำได้สะดวกและง่ายมากๆ และโอกาสที่จะหลุดหล่นหายก็ค่อนข้างน้อย

พรีวิว Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย

ตัวหูฟังดีไซน์ pods สวมแบบ Half in-ear โดยมีก้านเป็นส่วนของไมโครโฟนยาวออกมา ที่ช่วยให้สวมใส่กับร่องหูได้อย่างกระชับ และรูปทรงลักษณะนี้สวมใส่ฟังเวลานานๆ ก็ไม่รู้สึกเมื่อยหรือปวดหูอีกด้วย เพราะว่าน้ำหนักอยู่เพียงแค่ 4.7 กรัม เท่านั้น

ตัวหูฟังประกอบและรองรับมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นที่  IP54 ที่เป็นระดับเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน สามารถป้องกันความชื้นจากเหงื่อเวลาที่ออกกำลังกาย หรือโดนฝนพร่ำก็ยังได้อยู่

ด้านปลายของก้านจะเห็นว่าเป็นขั้วสำหรับชาร์จไฟเวลาที่เก็บเอาไว้ในตลับเคส

พรีวิว Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย

นอกจากนี้ตัวก้านหูฟังยังออกแบบมาให้สั่งงานเพิ่มลดเสียงได้ โดยเพียงแค่ใช้นิ้วแตะแล้วเลื่อนเพื่อปรับระดับความดังของเสียง

ไดร์เวอร์หูฟังที่ใหญ่สุดในตลาดตอนนี้

เป็นจุดเด่นที่ Vivo เน้นเป็นพิเศษ คือตัวไดร์เวอร์เสียงแบบไดนามิค ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ถึง 14.2 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายแบบ TWS อื่นๆ ในท้องตลาดตอนนี้ ส่วนใหญ่จะมีขนาดอยู่ที่ 7.2 มม. หรือเต็มที่ก็ 11.2 มม.เท่านั้น พร้อมทั้งภายในยังใช้ ด้วยทองแดง Daikoku คุณภาพดี จากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้สามารถให้ได้เสียงที่มีคุณภาพคมชัดสมจริงช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง ให้คุณได้อรรถรสการฟังเพลงเสมือนอยู่ในสตูดิโอ ได้จากทุกที่ทุกเวลา

นอกจากตัวไดร์เวอร์ที่ใหญ่แล้วตัวชิปเซตที่ใช้ก็เป็นของ Qualcomm ที่รองรับการเข้ารหัสเสียงแบบ aptX มาตราฐาน CD Audio ที่สามารถเก็บรักษาข้อมูลเสียงได้มากกว่าหูฟังไร้สายแบบเดิมถึง 1.5 เท่า ทำให้เนื้อเสียงเพลงยังคงรายละเอียดเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด ถ้าคุณชอบฟังเพลงที่เป็นแบบ Loseless ที่มีคุณภาพสูงก็จะยังได้เสียงที่ดีตรงตามต้นฉบับ

ในด้านวิศวกรรมการออกแบบวงจรแม่เหล็ก เป็นแบบไดอะแฟรมคอมโพสิตที่ทำจากโดมไททาเนียม และการหุ้มด้วยแมกนาเลีย ทำให้หูฟังมีคุณภาพเสียงดี มีความนุ่มลื่น เสียงชัด

Vivo TWS Neo มีเทคโนโลยี DeepX โดยใช้หลักการสร้างเสียงแบบ Deep Field คมชัดทุกย่านเสียง โดยการเพิ่มความถี่เสียงของผู้ใช้งาน ตั้งแค่คลื่นความถี่ 1000-3000Hz พร้อมให้คุณสัมผัสกับเสียงที่สมบูรณ์แบบ

คุณภาพเสียง พร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ AI Dynamic และการตัดเสียงรบกวน

ตัวไมโครโฟนของ Vivo TWS Neo จะมี 2 ตัว โดยทำงานร่วมกับ AI มาช่วยประมวลผลเรื่องของการจัดการเรื่องเสียงรบกวนได้ ทั้งการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกระหว่างที่ฟังเพลง และปรับอัตราความคมชัดของเสียงตามสภาพแวดล้อมรอบๆ ผู้ใช้งาน ส่วนในการรับสายพูดคุยสนทนา AI ก็ยังช่วยตัดเสียงรบกวนต่างๆ ทำให้เสียงพูดของเรามีความชัดเจนมากขึ้น

การเชื่อมต่อสัญญาณที่ดี ค่าความหน่วงที่ต่ำ

เทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย ใช้เป็น Bluetooth 5.2 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ทำให้การเชื่อมต่อได้ในระยะ 10 เมตร โดยสัญญาณไม่ขาดหรือสะดุด พร้อมด้วยการเชื่อมต่อเป็นแบบ Dual Channel 2.0 ซึ่งทำได้ดีมากๆ กับค่า latency ที่ต่ำเพียงแค่ 88ms เท่านั้นเป็นความหน่วงในระดับที่ใช้ในอุปกรณ์สเตอริโอระดับไฮเอนด์เลยดีเดียว

และในฟีเจอร์การเชื่อมต่อนั้น ยังมี Find My TWS Neo ที่ใช้สำหรับช่วยค้นหาตัวหูฟังในกรณีที่สูญหาย จากการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ พร้อมทั้งยังสามารถบอกพิกัดแสดงตำแหน่งที่ทำหล่นหาย เพื่อให้คุณค้นหาได้อย่างง่ายดาย

และสำหรับการใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของ Vivo เวลาที่เราเปิดฝา หูฟังก็จะพร้อม stand by เพื่อใช้งานให้ทันที

แบตเตอรี่การใช้งาน สแตนบายได้นานกว่าเดิม

ให้คุณใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เพลิดเพลินไปกับการรับฟังที่ไร้การสะดุดใช้งานรวมชาร์จผ่านเคส ได้นานถึง 22.5 ชั่วโมง เมื่อชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 4.5 ชั่วโมง

พรีวิว Vivo TWS Neo หูฟังไร้สาย

ทดสอบ พรีวิว ลองใช้งาน หูฟังไร้สาย Vivo TWS Neo

ทีมงานล้ำหน้าฯ เราขอลอง พรีวิว ลองใช้แบบสั้นๆ (รีวิวเต็มๆ รอดูกับคลิปรีวิวจากพี่หลามกันนะ) อย่างแรกเรื่องขนาดและดีไซน์ ถือว่าสวยงามกระทัดรัดพกพาสะดวก ด้วยน้ำหนักที่เบา การสวมใส่ก็กระชับ ต้องยอมรับว่าดีไซน์แบบ Pod ทรง Half in-ear นั้นใส่สบายดีมาก

การใช้งานนั้น เชื่อมต่อใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ ทั้งระบบ Android และ iOS รวมถึงนาฬิกาสมาร์ทวอชต่างๆ ก็ใช้ได้ ดังนั้นซื้อไปใช้ก็คือหายห่วงไม่ต้องกังวลว่าจะใช้กับรุ่นไหนได้หรือไม่ได้ คือใช้ได้หมดเลย

มาเรื่องของคาแรคเตอร์เสียงกันบ้าง Vivo TWS Neo จากที่ได้ลองฟังใช้ฟังเพลงและดูหนัง ถือว่าค่อนข้างประทับใจอยู่ คือโทนเสียงชัดในทุกย่าน เบสที่หนักกำลังดี เสียงเครื่องดนตรีมาครบ ซึ่งถ้าใครอยากได้สไตล์อื่นก็ปรับเพิ่มเรื่อง Equalizer ตามแต่ที่ตัวเองชอบได้ ส่วนการใช้กับการเล่นเกม กับค่าหน่วงที่ต่ำเพียงแค่ 88ms ก็รู้สึกได้เลยว่า เสียงในเกมนั้นแล็คน้อยมากๆ จนเกือบจะไม่รู้สึกถือว่าดีใช้ได้เลยครับ

หูฟังไร้สาย Vivo TWS Neo เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย วันที่ 17 กรกฎาคม 63 ราคา 2,999 บาท วางจำหน่าย 2 สีคือ สีขาว Moonlight White และสีดำน้ำเงิน Starry Blue สามารถทดสอบลองสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเอง และจับจองซื้อกันได้แล้วที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.vivo.com