รีวิว Synology DS220+ NAS รุ่นใหม่ทรงพลังยิ่งขึ้น เร็วแรงด้วยขุมพลัง Intel

รีวิว Synology DS220+ อุปกรณ์ NAS รุ่นใหม่ในตระกูล Plus Series ปรับสเปคให้แรงขึ้นไปอีก ด้วยโปรเซสเซอร์จาก Intel ให้การประมวลผลด้านข้อมูลเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม

NAS รุ่นใหม่ที่ทาง Synology เปิดตัวในซีรี่ย์ Plus รอบนี้มีด้วยกัน 4 รุ่นคือ DS920+, DS720+ และ DS420+ สำหรับการใช้งานในระดับองค์กรขนาดเล็ก และ Synology DS220+ ที่ทางทีมงานล้ำหน้าฯ ได้มา รีวิว ตัวนี้ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานตามบ้าน เพื่อจัดการทั้งเรื่องศูนย์กลางการเก็บข้อมูล รวมถึงใช้งานด้านความบันเทิงได้อีกด้วย

คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญใน Synolog NAS ในตระกูล Plus Series ใหม่

  • การทำงานสร้างดัชนีรูปภาพและเอกสารใน Moments และ Synology Drive มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 15%
  • การตอบสนองของ Web PHP เพิ่มมาขึ้นกว่ารุ่นก่อน 95-130%
  • ในรุ่น DS920+, DS720+ และ DS420+ มาพร้อมกับช่อง M.2 NVMe SSD ในตัว ที่สามารถทำ Cache Acceleration ได้โดยไม่ต้องใส่อุปกรณ์ในช่องไดรฟ์จัดเก็บข้อมูล
  • DS220+ มาพร้อมกับพอร์ต 1GbE คู่ เพื่อรองรับ Link Aggregation และการเกิดข้อผิดพลาดในเครือข่าย

รีวิว Synology DS220+

สำหรับตัว Synology DS220+ ที่เราได้มารีวิวตัวนี้ ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป คือเอาไว้ใช้เป็นศูนย์กลางสำหรับเก็บข้อมูลในบ้านยุคใหม่ได้อย่างลงตัวและเหมาะมากๆ ทุกวันนี้เราต้องยอมรับกันแล้วว่า ข้อมูลดิจิตอลต่างๆ ในชีวิตประจำวันเรามีเป็นจำนวนมาก จากแต่ก่อนเรามีเฉพาะสำหรับการทำงาน แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เพลง ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลในอุปกรณ์ของทุกคน

สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงก็คือ การ Back Up และจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย เมื่อทุกอย่างกลายเป็นดิจิตอลไปแล้ว เราจำเป็นต้องที่จะดูแลเก็บรักษามันให้ดีด้วย เพราะข้อมูลบางอย่างมีความสำคัญและห้ามสูญหาย

ในยุคนี้เชื่อว่าหลายคนก็เลือกใช้บริการ Cloud ต่างๆ เพื่อทำการแบ็คอัพข้อมูล แต่ในหลายๆ กรณีก็ไม่ได้สะดวกสบายเพราะว่าต้องพึ่งพาเรื่องของความเร็วอินเทอร์เน็ต รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ นี่คือเหตุผลที่ว่า NAS นั้นมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับเอาไว้ใช้ในบ้านด้วยเช่นกัน

Synology นั้นถือเป็นผู้พัฒนาระบบเน็ตเวิร์คระดับชั้นนำของโลก และเรื่องของอุปกรณ์ NAS ก็ถือว่าเป็นเจ้าตลาดที่มีใช้กันตั้งแต่ระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไล่มาถึงระดับ Home Use เพื่อใช้งานตามบ้านอีกด้วย จึงมั่นใจได้เรื่องของเทคโนโลยีและความปลอดภัยในการใช้งานได้เลย

รีวิว Synology DS220+ NAS

มาแกะกล่องดูตัว Synology DS220+ กันก่อนดีกว่า ขนาดตัวของมันถือว่าเป็น NAS แบบ 2 Bay (ใส่ HDD ได้ 2 ลูก) ที่ขนาดไม่ใหญ่มาก น้ำหนักอยู่แค่ 1.3 กิโลกรัม ดีไซน์รุ่นนี้จะเป็นสีดำดูขรึมๆ ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีไฟสัญญาณแสดงสถานะของการทำงานแต่ละไดร์ฟ และช่องสัญญาณ มีช่องเสียบ USB 3.0 เพื่อเสียบอุปกรณ์ Data Storage และมีปุ่ม C ที่เป็นคำสั่งลัดเพื่อก็อปไฟล์จากช่อง USB มาเก็บที่ NAS ให้ทันที เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากๆ (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแบบละเอียด) และด้านล่างสุดจะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง

รีวิว Synology DS220+ NAS
ในกล่องมีอุปกรณ์ให้ ทั้งสาย LAN 2 เส้น และน็อตสำหรับยึด HDD หรือ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว

การถอดเปลี่ยนใส่ Harddrive นั้น เราจะแกะตัวหน้ากากด้านหน้าออกได้ ซึ่งแกะได้ง่ายมากเพราะเป็นแบบใช้ยางยัดให้ยึดปิดเฉยๆ พอแกะออกมาก็จะเห็นช่อง Tray 2 ช่อง ที่กดถาดออกมาได้ง่าย ตัวถาดสามารถใส่ HDD ได้ทั้งขนาด 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว รองรับความจุได้มากสุดถึง 32 TB (16 TB x 2) หรือจะเลือกทำ RAID เพื่อสำรองไฟล์อีกชั้นเพื่อความมั่นใจก็ยังได้

รีวิว Synology DS220+ NAS
รีวิว Synology DS220+ NAS

ด้านหลังจะมีพัดลมสำหรับระบายความร้อนขนาดใหญ่อยู่ การทำงานถือว่าค่อนข้างเงียบ ตามสเปคระบุความดังพัดลมอยู่แค่ 19.3 dB พร้อมช่องเสียบสาย LAN แบบ 1GbE RJ-45 port ที่มีให้มา 2 ช่องเพื่อทำ Link Aggregation สำหรับใครที่อยากได้ความเสถียรและความเร็วในการเชื่อมต่อข้อมูล และยังมีพอร์ต USB 3.0 ให้อีกพอร์ตด้วย

มาดูสเปคภายในกันบ้าง ตัว CPU รุ่นนี้เลือกใช้เป็น Intel Celeron J4025 แบบ 64-bit 2-core 2.0 (base) / 2.9 (burst) GHz ทำการเข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์แบบ AES-NI ได้ ใส่ RAM มาให้ 2GB แบบ DDR4 (ใส่เพิ่มได้อีก 4GB รวมเป็น 6GB) ถือว่าเป็นสเปคที่ทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนพอสมควร อย่างงาน Index ข้อมูลและภาพผ่าน Synology Drive และ Moments ทำงานได้เร็วขึ้น 15% และงานด้าน Web server ก็เร็วขึ้นถึง 97%

เริ่มการใช้งาน

NAS ของ Synology นั้น ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมากๆ ตั้งแต่การเริ่มใช้งาน แนะนำว่าให้เลือกไดร์ฟรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานบน NAS โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ หรือถ้าอยากเน้นความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล จะใช้เป็น SSD ก็ได้

การ Set Up นั้น ในตัว NAS จะมีระบบปฏิบัติการ DSM (DiskStation Manager) ที่สั่งงานผ่านหน้าเว็บบราวเซอร์ได้เลย หน้าตา UI ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มีโปรแกรมเสริมเพื่อให้ติดตั้งใช้งานบน NAS ตามแต่รูปแบบที่เราต้องการได้หลากหลาย

สำหรับผมตัวนี้ ผมเลือกที่จะเป็นการเปลี่ยนเอา Harddrive ลูกเดิม ที่ใช้อยู่ใน DS218J มาใส่ใน DS220+ ซึ่งขั้นตอนก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ปิดเครื่องเก่า ถอด HDD ออกมาใส่ที่เครื่องใหม่ จากนั้นก็เปิดเครื่อง เข้า DSM ก็จะบอกเลยว่า จะทำการ Migration เพื่อใช้งานกับ NAS ตัวใหม่หรือไม่ กดตกลงแล้วก็รอให้ระบบเซ็ตอัพให้ไม่นานก็เรียบร้อย ถือว่าง่ายและสะดวกมาก ไม่ต้องไปตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก ก็ย้ายมาเครื่องใหม่ได้แล้ว

การใช้งานพื้นฐานนั้น เมื่อทำการ Setup พร้อมใช้งานแล้ว Synology DS220+ จะปรากฎเสมือนเป็นคอมพิวเตอร์อีกเครื่องใน Network ของบ้านเราทันที ถ้าการใช้งานคอมพิวเตอร์ ก็จะเข้าไปใช้งาน Share Folder ร่วมกันได้ ทั้งระบบ Windows และ macOS แต่ถ้าใช้อุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟน เราสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้งานร่วมกับ Synology DS220+ ได้ด้วย ทั้งเอาไว้เซฟไฟล์, เก็บรูปภาพ, เล่นเพลง, เล่นหนัง ฯลฯ

เรื่องของความปลอดภัย เราสามารถสร้าง User เพื่ออนุญาตให้เข้ามาใช้งานได้ ซึ่งทำได้ไม่ยาก และยังมี QuickConnect สำหรับการเชื่อมต่อเข้ามาใช้งานแบบออนไลน์จากนอกบ้านได้ด้วย เป็นความสะดวกที่คุณจะเข้ามาก็อปงานหรือดึงข้อมูลที่เก็บไว้ที่บ้านจากที่ไหนบนโลกก็ได้

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

ใช้งานเป็นศูนย์รวมความบันเทิง และ multimedia hub อย่างที่บอกไปก่อนว่า NAS ของ Synology นั้นไม่ได้ทำมาไว้เป็นแค่ File Server เฉยๆ แต่ยังติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพื่อเสริมความสามารถได้ ที่จะแนะนำก็มี

  • Audio Station เป็นที่เก็บไฟล์เพลงเอาไว้ที่บ้าน รองรับคุณภาพเสียงได้ถึงระดับ lossless ตัวซอฟท์แวร์จะช่วยจัดระเบียบไฟล์เสียงต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่, ทำ Playlist ฯลฯ แล้วจะเล่นเพลงก็สามารถ Cast ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านแบบไร้สายได้เลย
  • Video Station ถ้าชอบดูหนังก็สะดวกเช่นกัน เราใช้ NAS เอาไว้เก็บไฟล์ภาพยนตร์ได้ และสตรีมดูผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ใครที่มีไฟล์หนังเก็บเอาไว้ ก็สามารถเปิดดูได้สะดวก
  • Moments เหมือนยก Google Photos มาไว้ในบ้าน คุณสามารถสั่งแบคอัพไฟล์ภาพ, วิดีโอ จากในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต มาเก็บไว้ใน NAS โดยระบบจะมีการจัดเก็บสร้าง Album และจัดเรียงให้ค้นหาได้สะดวก สามารถสั่งเลือกได้ด้วยว่า เมื่อเรากลับมาบ้านแล้วเชื่อมต่อเข้า Wi-Fi แล้ว Moments จะทำการแบ็คอัพรูปในเครื่องของเราให้ทันที งานนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากใช้ Cloud และไม่ต้องกังวลเวลามือถือหายแล้วภาพจะหายไป เพราะภาพทุกอย่างจะถูกจัดเก็บให้อัตโนมัติทุกวัน
รีวิว Synology DS220+ NAS

Back Up ข้อมูลด่วน แค่กดปุ่มเดียว ตัวของ Synology DS220+ จะมีปุ่ม USB copy อยู่ที่เครื่อง เราสามารถเอา Storage ต่างๆ มาเสียบได้ ไม่ว่าจะเป็น Flash Drve หรือ SD Card เสียบผ่าน Card Reader แล้วกดปุ่มทีเดียว ข้อมูลในอุปกรณ์ที่เอามาเสียบ จะถูกก็อปลงเก็บใน Harddrive ทันที

อันนี้เหมาะมากสำหรับคนทำงาน โดยเฉพาะช่างภาพ เพราะเวลาคุณไปถ่ายภาพมา พอกลับมาถึงบ้านก็ถอดการ์ดมาเสียบ แล้วกดปุ่ม รูปทั้งหมดที่ถ่ายมาก็จะถูกเก็บเข้า NAS ให้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคอมแล้วไปเสียบโยนให้วุ่นวาย

ใช้ Back Up ให้กับคอมพิวเตอร์ในบ้าน ความฉลาดของระบบ DSM นั้น เราสามารถเซ็ตให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในบ้าน ทำการ Back Up ไฟล์สำคัญๆ เก็บเอาไว้ให้อัตโนมัติ หรืออย่างใน Mac ก็เลือกใช้เป็น TimeMachine เพื่อเก็บไฟล์ได้ด้วย ช่วยให้ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่คาดฝันอย่างเช่นคอมพัง แล้วเอาไฟล์ออกมาไม่ได้ เรียกว่าสะดวกกว่าใช้ External Harrdrive เสียอีก

Snapshot อันนี้เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยชีวิตคุณได้ หากเกิดความซวยอย่างเช่น เครื่องติดไวรัส ติดมัลแวร์ จนเกิดผลกระทบกับคอมพิวเตอร์ ระบบการแบ็คอัพสามารถทำ Snapshot ที่จะให้คุณถอยหลังข้อมูลกลับไปก่อนจะเจอวิบัติที่ไม่คาดคิดได้

Synology Drive เราสามารถเปลี่ยนให้ NAS ทำงานเป็นเหมือน Cloud ส่วนตัว ที่เก็บข้อมูลและ Sync ข้อมูลไปยังอุปกรณ์ของเราทั้งหมดได้ด้วย หรือจะแชร์ไฟล์ให้กับคนอื่น ก็สามารถสร้างลิงค์แล้วแชร์ให้คนอื่นได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย

Synology Office การทำงานด้านเอกสารต่างๆ ใน DSM มีแอพให้ใช้งานแบบ Web-Base สำหรับทำงานร่วมกันได้แบบ real-time สำหรับใครที่ต้องการความลับของข้อมูลที่ไม่ต้องการให้อยู่บน Cloud สาธารณะ ก็สามารถทำงานผ่านข้อมูลบน NAS เราเองได้เช่นกัน

สรุป Synology DS220+ เหมาะสำหรับใคร? น่าใช้แค่ไหน?

สิ่งที่เราสัมผัสได้จาก Synology DS220+ ก็คือความเร็วในการทำงานที่เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้องขอบคุณโปรเซสเซอร์ที่เป็น Intel นั้นทำงานได้ดีมากๆ สเปคนั้นเพียงพอสำหรับการใช้งานเป็น Data Center ขนาดย่อมๆ ในบ้าน ที่ใช้ร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัว หรือเอาไว้ใช้ในออฟฟิศธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานใช้งานไม่มาก

ความฉลาดของตัว DiskStation Manager นั้น ใช้งานได้ง่ายมากๆ ทำให้ทุกการใช้งานทำได้โดยไม่ต้องศึกษาอะไรเยอะ คุณสามารถเซ็ตเอาไว้ใช้เป็นที่เก็บแบ็คอัพภาพจากมือถือโดยอัตโนมัติ ใช้เอาไว้สตรีมเพลง สตรีมหนังเพื่อดูในบ้าน หรือจะเอาไว้ใช้งานระดับแอดวานซ์อย่างเชื่อมต่อเป็นตัวบันทึกวิดีโอกล้องวงจรปิด หรือตั้งเป็น Web Server ส่วนตัวก็ยังได้

การใช้งานทำจากเว็บบราวเซอร์ได้ จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรในเครื่อง หรือถ้าใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนก็มีแอพให้เลือกใช้งานได้ด้วย

การลงทุนกับอุปกรณ์หลักหมื่นต้นๆ แล้วคุณได้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลเท่าที่คุณอยากจะไปซื้อ Harddrive มาใส่ ในระยะยาวแล้ว ถือว่าคุ้มกว่าจ่ายเงินเช่า Cloud กว่าแน่นอน การเก็บไฟล์งาน และแชร์งาน ก็สะดวกกว่าใช้ External Harddisk

สำหรับใครต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ NAS ของ Synology สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://sy.to/plusseriesth