FDA ถอนคำสั่งใช้ยา Chloroquine และ Hydroxychloroquine เพื่อรักษาผู้ป่วย COVID-19

FDA (The United States Food and Drug Administration) หรือองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาถอนคำสั่งอนุมัติฉุกเฉินของเดือนมีนาคมและยุติการใช้ยามาลาเรีย 2 ตัวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้รับรอง ในกรณีฉุกเฉินเพื่อรักษาผู้ป่วยโรค COVID-19

โดย FDA มองว่า Chloroquine และ Hydroxychloroquine นั้นเป็นยารักษาโรคไข้มาลาเรีย ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรค COVID-19 แถมยายังมีต่อการเต้นของหัวใจที่รุนแรงและผลค้างเคียงที่รุนแรงอื่นๆ ด้วย

การเพิกถอนการอนุญาติการใช้ในกรณีฉุกเฉินไม่มีผลกระทบต่อการใช้ยาที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในระยะยาวเพื่อรักษาโรคมาลาเรีย ลูปัส โรคไขข้อ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

https://twitter.com/realDonaldTrump/status/1241367239900778501?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.buzzfeednews.com%2Farticle%2Fdanvergano%2Fcoronavirus-fda-revoked-hydroxychloroquine

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับรองอย่างจริงจังว่ายาทั้ง 2 ตัวนั้นเป็นยาที่สามารถรักษาโรค COVID-19 ตามรายงานที่ใช้เพื่อการรักษาจากประเทศจีน รวมถึงการศึกษาข้อมูลจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นฐานสำคัญที่ FDA อนุมัติให้ใช้ยาทั้ง 2 ตัวนี้ในวันที่ 28 มีนาคม

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา FDA ออกประกาศแจ้งเตือนการใช้ยานอกโรงพยาบาลในการรักษา COVID-19 ว่ามันอาจมีความเสี่ยงต่อหัวใจจะเต้นผิดจังหวะและอาจถึงแก่ชีวิตได้

ผลจากการศึกษาข้อมูลต่างๆ ประกอบกับรายงานของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นชัดเจนและให้ข้อสรุปที่คล้ายกันว่าเจ้ายาทั้ง 2 ตัวนี้ ขาดประสิทธิภาพในการรักษา COVID-19 และดูจะมีความเสี่ยงมากกว่าจะมีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 ด้วยซ้ำ

Biomedical Advanced Research and Development Authority (BARDA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐเป็นหน่วยงานที่ยื่นคำร้องให้ถอนการอนุญาติการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่ง BARDA เองก็เป็นหน่วยงานที่ยื่นขออนุมัติการใช้ยาทั้ง 2 ตัวในการรักษา COVID-19 เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่ง Rick Bright อดีตผู้อำนวยการของ BARDA เปิดเผยว่าคำร้องที่ยื่นขออนุมัติในเดือนมีนาคมนั้นอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทำเนียบขาวหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับรองยาทั้ง 2 ตัวนี้

ที่มา : BuzzFeed News
รูปจาก : freepik