สรุป ฟีเจอร์เด่น Samsung Galaxy A55 | A35 5G ให้ชีวิตคมชัดขึ้น 4 เท่า!
สรุป ฟีเจอร์เด่น Samsung Galaxy A55 | A35 5G ถ่ายวิดีโอ 4K คมชัด แคปภาพจากวิดีโอได้ สเปคแรง แบตอึด กันน้ำ IP67 ในราคาเริ่มต้น 11,999 บาท
ของแรงมาอีกแล้ว แกะกล่อง รีวิว OnePlus 8 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงลำใหม่ ที่จัดใหญ่จัดเต็ม ทั้งเรื่องดีไซน์ที่สวยลงตัว จอดีไม่ผิดหวัง และประสิทธิภาพในระดับที่ไหลลื่น ไม่มีผิดหวัง
OnePlus 8 Pro เตรียมเปิดตัวในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ และนี่เป็นอีกครั้งที่วันพลัส เดินหน้าพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เน้นให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดในทุกด้าน ตั้งแต่เรื่องของสเปคที่อยู่ในระดับแนวหน้าและดีสุดในตลาดตอนนี้ ดีไซน์ที่สวยดูดี งานประกอบที่ปราณีต และหน้าจอที่คุณภาพดี ทำให้การใช้งานได้ความรู้สึกที่ไม่มีสะดุดใดๆ
รีวิว OnePlus 8 Pro เราจะมาแกะกล่องดูกันก่อนว่ามีอะไรมาให้บ้าง ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวแพ็กเกจนี้เป็นเซ็ตพิเศษที่ทาง OnePlus ประเทศไทยส่งมาให้กับสื่อมวลชนเพื่อได้ทดสอบ ที่เห็นจะมีเป็น Booklet ข้อมูลการออกแบบของ OnePlus 8 Pro ที่แฟนๆ เห็นนี่คงอยากได้ไว้สะสมแน่ๆ และยังมีเคสอีก 2 แบบมาด้วย (ซึ่งจะมีเข้ามาจำหน่ายด้วยเช่นกัน)
เคสของ OnePlus 8 Pro เป็นแบบ Bumper กันกระแทก มีเป็นสีคาร์บอนเคฟล่า สไตล์รถแข่ง และแบบ Sandstone ที่สีจะเป็นแบบพาสเทลดูซอฟท์ๆ
มาเริ่มแกะกล่อง พรีวิว กันเลยดีกว่า พูดถึง OnePlus ก็ต้องมาคู่กับสีแดงแรงฤทธิ์ ตัวกล่องยังเป็นรูปทรงเดิมแนวยาว ที่กล่องเป็นสีแดงสดแสบสัน มีเลข 8 ตัวใหญ่ๆ ที่หน้ากล่อง และด้านข้างจะเป็นโลโก้ของ OnePlus แบบใหม่ และชื่อรุ่นคือ OnePlus 8 Pro
ด้านหลังมีแปะรายละเอียด บอกชัดเจนว่าใช้ระบบ Android ที่พร้อมรองรับใช้งานกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Google (นี่ไม่ได้จะแซะใครใช่มั้ย? ฮา) โดยรุ่นนี้จะเป็น RAM 12GB และ ROM 256GB มีโลโกของ Qualcomm Snapdragon และ Dolby Atmos มาด้วย
เปิดกล่องมา ยังเป็นกล่องแบบเลย์เอาท์เดิมแบบ OnePlus 8 ตรงถาดใส่เครื่องมีพิมพ์ลึกลงไปเป็นคำว่า Never Settle คำขวัญประจำใจของชาววันพลัส
ตัวถาดรองรองเครื่อง หยิบออกมาด้านในจะเป็นพวกอุปกรณ์เสริม ส่วนที่ตัวถาดเปิดออกได้ มีของอยู่อีกหลายอย่างใส่เอาไว้
ยอมรับเลยว่า OnePlus เป็นแบรนด์ที่ทำแพ็กเกจได้เรียบ แต่ดูมีเอกลักษณ์และแสดงความเป็นตัวตนได้ชัดเจนมาก ตัวเอกสารต่างๆ ทั้งคู่มือการใช้งานด้านความปลอดภัย, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารอื่นๆ เป็นสีแดง ตัวหนังสือสีขาว แล้วยังมีสติกเกอร์โลโก้ให้มาด้วย เอาไว้สำหรับไปแปะนั่นนี่ ให้ทุกคนรู้ว่า ฉันนี่ล่ะ ใช้ OnePlus
เข็มจิ้มถาดซิม มีเหน็บใส่มาให้รวมอยู่กับเอกสารจดหมายจากใจผู้บริหาร ถึงผู้ใช้งาน OnePlus
มีเคสใสสำหรับใส่กันรอยเครื่องมาให้ด้วย มีตัวหนังสือ “Never Settle” วางพาดเป็นสีขุ่นอยู่ด้วย สวยดี
อแดปเตอร์ชาร์จที่แถมมาให้ แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี Warp Charge 30T พร้อมใช้งานได้เลย
ตัวกำลังไฟที่ Output มาเมื่อใช้งานชาร์จกับ OnePlus 8 pro จะได้ที่ 5.0V-6.0A 30W ถ้าเอาไปชาร์จกับรุ่นอื่นๆ จะได้แค่ 5.0V-2.0A 10W
สาย USB สำหรับชาร์จไฟ + Data เป็นสายสีแดง หัวสีขาว สีเข้าธีมเช่นกัน และถ้าต้องการชาร์จไฟให้ได้เต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐาน Warp Charge 30T ก็ต้องใช้อแดปเตอร์+สายชาร์จที่ให้มาในกล่องนะ เอาสายธรรมดามาเสียบก็จะไม่ได้กำลังไฟเต็มที่
มาดูกันที่ตัวหน้าจอกันก่อนเลย เป็นการใช้หน้าจอแบบ Fluid Display ที่เป็นขอบด้านข้างโค้ง ตัวพาเนลเป็น AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ( 3168×1440 ) 513ppi เป็นจอเกรดคุณภาพดีระดับแนวหน้าของวงการสมาร์ทโฟนตอนนี้ รองรับทั้ง HDR10+ ให้ค่าสีที่ระดับ 10-Bits Color พร้อม HDR Boost ที่เร่งให้สว่างและสีสดใสมากขึ้น มีเพิ่ม Reading Mode ช่วยให้มองเห็นได้สบายตาทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงมี MEMC Technology ช่วยให้ภาพแสดงผลลื่นไหลมากขึ้น
และที่สำคัญจอของ OnePlus 8 Pro จะมาพร้อมค่า Refresh Rate ที่ 120 Hz ทำให้การแสดงผลภาพที่มีการเคลื่อนไหว มีความสวยมากขึ้น ไม่มีเงาเบลอ ดูไหลลื่น ซึ่งทำให้เวลาใช้งานต่างๆ หรือการเล่นเกม ให้เรามองเห็นได้อย่างสวยชัดที่สุด
กล้องหน้า OnePlus 8 Pro เป็นแบบ Push-Hole เจาะเป็นรูอยู่บริเวณทางมุมซ้ายบนของหน้าจอ มีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพียงแค่ 3.8 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงไม่รู้สึกเกะกะสายตา โดยกล้องมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 สำหรับเซลฟี่
และที่แถบด้านบนเหนือจอจะเป็นช่องลำโพงสนทนา ซึ่งจะทำงานเป็นลำโพงเสียงมีเดียด้วย เวลาดูหนังฟังเพลงเล่นเกม ก็จะได้เสียงแบบสเตอริโอ ส่วนเซนเซอร์อื่นๆ จะเป็นแบบซ่อนไว้ใต้จอ ทำให้พื้นที่หน้าจอใหญ่ได้เต็มตาเต็มพื้นที่มากขึ้น
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เป็นแบบซ่อนไว้ใต้จอ แบบ In-display fingerprint ที่ใช้สแกนสำหรับการปลดล้อคเครื่องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ขนาดของตัวเครื่อง อยู่ที่ 165.3 x 74.35 มิลลิเมตร และหนา 8.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 199 กรัม เป็นขนาดที่จับได้พอดีมือ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป น้ำหนักก็ถือว่ากำลังดี ถือใช้งานมือเดียวได้สะดวกอยู่
ด้านหลังตัวเครื่อง ดีไซน์ครั้งนี้มาแบบเรียบๆ แต่หรูสวยดีมาก สีของ OnePlus 8 Pro จะมีด้วยกัน 2 สีคือ สีเขียว Glacial Green (เครื่องที่เราได้มา พรีวิว) และ สีน้ำเงิน Ultramarine Blue ความแปลกตาในรุ่นนี้ก็คือ ฝาหลังใชัวัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass ที่เป็นสีแบบด้าน ไม่ได้เงาแว๊บ ทำให้ไม่เกิดรอยนิ้วมือ คือจับไปแทบจะไม่คราบนิ้วมือเลอะติดเลย ส่วนสีจะเล่นเหลือมเงาให้ความรู้สึกเหมือนโลหะ
ตัวสี Glacial Green จะเป็นสีเขียวที่มีความเหลือบของสีน้ำเงิน ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็นสีครามๆ ดูเป็นสีธรรมชาติที่ดูสดชื่นดี
ชุดโมดูลกล้องเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบเรียงแนวตั้ง วางตรงกลางเครื่องในตำแหน่งที่สมมาตร กล้องของ OnePlus 8 Pro จะเป็นแบบ 4 เลนส์ Quad Camera ประกอบด้วย
โดยจะมีไฟแฟลช LED และระบบเซนเซอร์สำหรับการถ่ายภาพและโฟกัส อย่าง Laser Sensor, Flicker detect Sensor, Front RGB Sensor การวางตำแหน่งถือว่าทำได้ลงตัวสวยงามดี
และจะมี โลโก้ใหม่ของ OnePlus ต่อลงมา หลายคนอาจจะสงสัยว่า โลโก้เปลี่ยนเหรอ ทำไมเหมือนเดิม ต้องบอกว่าเปลี่ยนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตรงฟอนท์ของเลข 1 และขนาดของเส้นให้หน้าขึ้นนิดนึง
ด้านล่าง จะมีคำว่า “ONEPLUS” ที่เป็นโลโก้ใหม่เช่นกัน พร้อมรายละเอียดรุ่นโมเดลติดอยู่ จริงๆ มองเห็นไม่ชัด เพราะการทำสีมีความเหลือบ จึงมีบางช่วงที่เมื่อโดนแสงสะท้อนแล้วจะสว่างชัดขึ้นมา
เฟรมเครื่องเป็นโลหะทำสีเดียวกันครับตัวฝาหลัง ด้านข้างทางซ้ายจะมีปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนทางขวาจะมีปุ่ม Power กับปุ่มเลื่อนปรับเลื่อนโหมดเป็น Ring, Silent และ Vibrate ถือเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus เพราะเราไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนของ Android ทำปุ่มปรับโหมดมาให้ ซึ่งเวลาใช้ก็สะดวกดีอยู่
ด้านล่างเครื่องมีช่องลำโพง, พอร์ต USB แบบ Type-C ช่องไมค์สนทนา และถาดซิม เป็นแบบ 2 ซิมขนาด Nano SIM ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำ microSD ได้
แบตเตอรี่ภายในใส่มาให้ 4,510 mAh ถือว่าค่อนข้างใหญ่ และให้เทคโนโลยีการชาร์จไว Warp Charge 30T ที่ชาร์จเพียงแค่ 23 นาที ก็จะได้แบตเตอรี่ถึง 50% และในรุ่นนี้ยังใส่ Warp Charge 30 Wireless charging ชาร์จเร็วแบบไร้สายมาให้ด้วย ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่ 50% เรียกได้ว่าสูสีกับการชาร์จแบบสาย และยังสั่ง Reverse Wirless Charging ปล่อยกระแสไฟเพื่อชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย
OnePlus ตอนนี้เรียกได้ว่าก้าวข้ามการเป็น Flagship Killer ที่เน้นสเปคแรงแล้วทำราคาถูก มาเป็น Super Flagship ที่จัดสเปคแบบดีที่สุด พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างประสบการใช้งานที่น่าประทับใจ เรียกได้ว่าใช้แล้วถูกใจแบบยากจะปฏิเสธ ซึ่ง OnePlus 8 Pro ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด
หลังจากที่ได้ทดสอบ รีวิว ทีมงานล้ำหน้าฯ ยกให้ OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ลองรีวิวแล้วหลงรักในทันที ด้วยสเปคที่แรงและการปรับแต่งซอฟท์แวร์ให้ทำงานทุกอย่างดูไหลลื่น รวดเร็ว กว่าสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป มันลื่นจนทำให้กลับไปจับสมาร์ทโฟนรุ่นทั่วๆ ไปในท้องตลาดแล้วเผลอรู้สึกได้เลยว่า เอ๊ะ ทำไมมันหน่วงๆ ซึ่งอันที่จริงคือ OnePlus 8 Pro มันให้ความรู้สึกที่เร็วกว่าเครื่องทั่วๆ ไปนั่นเอง
ตัว OxygenOS นั้น ถือว่าเป็น ROM ที่ทำดีและดีขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้หวือหวาอภินิหารมากนัก แต่ก็พร้อมสำหรับการใช้งานทุกอย่างได้ลงตัว ไม่รู้สึกติดขัดอะไร และทีมพัฒนาทีมนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องของความขยันอัพเดต แก้ไขบั้ก ปรับเพิ่มฟีเจอร์และความเสถียร มีออกมาบ่อยและเร็วมาก และยังตามอัพเดตต่อเนื่องให้หลายปี เยอะกว่าหลายๆ แบรนด์ในท้องตลาด
ต่อด้วยขุมพลังขั้นจัดเต็มกับ Snapdragon 865 5G อัดแรมมาให้อีก 12GB และ ROM 256GB มันเป็นสเปคที่ดีระดับแถวหน้าสุดของสมาร์ทโฟนปี 2020 แล้ว เร็วในระดับที่เรียกว่า เร็วเกินไปสำหรับสมาร์ทโฟนแล้วด้วยซ้ำ (ฮา) คือมันเหลือเฟือสำหรับการใช้งานกับทุกแอพ และการเล่นเกมก็ไร้ปัญหา ผสานกับหน้าจอที่เป็น 120Hz แม้ว่ายังไม่มีเกมออกมารองรับ แต่ก็สัมผัสได้ว่าทุกอย่างที่เล่นบน OnePlus 8 Pro มันดูเร็วขึ้นจริงๆ
มาเรื่องของกล้องกันบ้าง ถ้าให้เทียบกับรุ่นก่อนอย่าง OnePlus 7T ถือว่าดีขึ้นแบบน่าประทับใจ ไม่ใช่แค่เรื่องตัวฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น แต่ตัวซอฟท์แวร์เองก็พัฒนาให้เก่งขึ้นด้วย การถ่ายเซลฟี่มีบิ้วตี้ แต่ปรับเป็นระดับไม่ได้ปรับได้ยิบย่อย มีฟิลเตอร์ให้เล่นบ้างพอกรุบกริบ
มาทางกล้องหลัง ทดสอบลองใช้มาสักพักก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่ถ่ายภาพถ่ายวิดีโอได้สนุก ฟีเจอร์โหมดต่างๆ มีให้เล่นหลากหลาย ไม่ได้เยอะจนรกหรือเกะกะ ภาพถ่ายโทน HDR นั้น ให้ภาพที่แสงสีสวยคมชัดเจนมากๆ AI ในการช่วยจัดปรับโหมดภาพก็ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับโหมดที่เป็นกระแสไวรัลอย่าง Photochrom ที่เป็นการเอาเลนส์กล้องเสริม Color Filter มาถ่ายภาพตัดสีออก จนได้ภาพโทนสีซีดๆ ที่ดูแปลกตา แต่ปรากฎว่ามันดันไปถ่ายพลาสติกสีดำบางประเภทจนเห็นเป็นทะลุได้ คนก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นอินฟราเรด แล้วกลัวว่ามันจะทะลุเสื้อผ้าได้ ซึ่งเราก็พยายามลองถ่ายหลายครั้งแล้ว เสียดาย เรายังไม่สามารถถ่ายจนเห็นทะลุเสื้อผ้าได้จริงๆ เสียที ที่ล่าสุด OnePlus ก็ได้อัพเฟิร์มแวร์เพื่อปิดฟีเจอร์นี้ไปก่อน
ราคา เปิดตัวของ OnePlus 8 Pro นั้น ราคาเต็มอยู่ที่ 34,990 บาท เราคงบอกว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่มันทำได้ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงสำหรับสมาร์ทโฟน Android รุ่น Flagship ซึ่งจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวชิปเซ็ต Snapdragon 865 5G ผู้มาก่อนกาล ด้วยความใหม่จัดและรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต จึงทำให้ต้นทุนส่วนนี้พุ่งปี้ดขึ้นมา จนยากที่จะกดราคาขายให้ต่ำกว่านี้ได้
แต่ถึงอย่างไร เราก็คงบอกว่า OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนอีกตัวที่น่าซื้อของปี 2020 นี้ ด้วยประสิทธิภาพในระดับแถวหน้าที่คิดว่าจะยังอยู่ระดับต้นๆ แบบนี้ไปอีกนาน และไม่น่าจะมีสมาร์ทโฟนระดับ Mid-tier มาเทียบได้ในระยะ 1-2 ปีนี้ ถ้าคุณอยากได้สมาร์ทโฟนที่ใช้งานให้ประสบการณ์ลื่นไหลแบบสัมผัสได้ ใช้งานทุกอย่างไม่มีขัดอกขัดใจ
ส่วนเรื่องที่จะติอยู่ ก็คือเรื่องของความร้อน ที่ยังไงก็ยังพอจะมีอยู่บ้างระหว่างที่เล่นเกม คือมันก็ไม่ถึงกับเย็นเจี๊ยบ แต่ก็มีอุ่นๆ มือ แต่ถ้าใช้งานถ่ายภาพหรือออกแดดกลางแจ้งนั้น เครื่องจะร้อนค่อนข้างเร็วกว่าปกติ ต่อมาก็คือเรื่องของ 5G ที่ตอนนี้ยังต้องรอการอัพเดตซอฟ์ทแวร์จากเครือข่าย ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง 2020 ถึงจะได้ใช้ ดังนั้นก็ต้องอดใจรอกันหน่อย
สรุปแล้ว OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มีจุดดีให้พูดมากกว่าข้อติ เรื่องราคา อย่างที่บอกมันราคาสูง แต่ก็สมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพที่ทำได้ ถ้าอยากได้เครื่องราคาถูกลง แนะนำซื้อกับ AIS ซึ่งจะมีโปรโมชัน สมัครแพ็กเกจแล้วได้ลดค่าเครื่องไปร่วมหมื่นบาท รวมถึงช่องทางอื่นๆ สามารถดูได้ที่ http://onlineoneplus.com/