หัวเว่ยส่งบริการเทคโนโลยี AI ช่วยประเทศในเอเชียแปซิฟิก สู้ศึกโควิด-19

หัวเว่ยส่งมอบบริการด้านเทคโนโลยี AI ประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ สนับสนุนบริการสาธารณูปโภคด้วยเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19

นวัตกรรมการสื่อสารทางไกลเพื่อการแพทย์ (Telemedicine) ของหัวเว่ยได้พัฒนาการใช้งานในพื้นที่สำหรับ 4 สถานการณ์หลักในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัส ได้แก่ การสตรีมสด (Live video streaming), การร่วมมือกันปฏิบัติงานผ่านทางไกล (Remote collaboration), การวินิจฉัยโรคทางไกล (Remote diagnosis) และการคุ้มครองทางไกล (Remote protection) โดยทั้งหมดนี้ใช้งานได้ในสถานการณ์จริงในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ในประเทศไทย โซลูชันวิดีโอ เทเลคอนเฟอเรนซ์แบบเรียลไทม์เพื่อการแพทย์ (Huawei Telemedicine Video Conferencing Solution) ของหัวเว่ยซึ่งได้รับการติดตั้งในโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมถึงกรมควมคุมโรค ส่งผลให้รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์สามารถป้องกันการแพร่ระบาด ร่วมกับหลายฝ่ายในการปฏิบัติงาน ปรึกษาหารือผ่านเครือข่ายออนไลน์ และฝึกอบรม ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้กับทีมแพทย์ได้อย่างเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมเป็นประธานในการเปิดตัวโซลูชัน 5G ของหัวเว่ย เทคโนโลยีผู้ช่วย AI เพื่อการรักษาและวินิจฉัยโควิด-19

huawei AI covid-19 video conferencing Telemedicine

ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์ โรงพยาบาลและศูนย์แพทย์บาเกียว (Baguio General Hospital and Medical Center) ได้ติดตั้งโซลูชันคัดกรองผลตรวจ CT ด้วยผู้ช่วย AI (AI-assisted CT Screening) ของหัวเว่ย เพื่อช่วยแพทย์ตรวจหาผู้ป่วยโควิด-19

ในประเทศบังกลาเทศ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัว (Ministry of Health & Family Welfare) และศูนย์อำนวยการทั่วไปด้านสุขภาพและบริการ (Directorate General of Health and Services) ใช้ระบบการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของหัวเว่ยเพื่อช่วยรัฐบาลรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด เสริมประสิทธิภาพของการร่วมมือกันปฏิบัติงานผ่านทางไกล และลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้กับทีมแพทย์

โซลูชันผู้ช่วย AI เพื่อการวินิจฉัยโรคของหัวเว่ย ซึ่งตั้งอยู่บนแพลตฟอร์มของ HUAWEI CLOUD ช่วยลดระยะเวลาการวินิจฉัยโรค และทำให้สามารถระบุและยืนยันเคสผู้ป่วยที่สงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ได้รวดเร็วขึ้น โดยระบุระยะของการติดเชื้อได้อย่างแม่นยำว่าอยู่ในระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม หรือระยะรุนแรง จึงประหยัดเวลาในการรักษา

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวโครงการ Anti-COVID-19 Partner Program ของ HUAWEI CLOUD ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งให้ความสำคัญกับ 5 สถานการณ์หลัก ได้แก่ การปฏิบัติงานทางไกล, การรองรับ AI, การช่วยเหลือธุรกิจองค์กร, ด้านสาธารณสุขอัจฉริยะ และการศึกษาออนไลน์ โดยกลุ่มพาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้รับโอกาสในการใช้บริการคลาวด์มูลค่ากว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ในด้านสาธารณสุข HUAWEI CLOUD มีแพลตฟอร์ม EIHealth ที่ประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น การตรวจหาจีโนมของไวรัส (viral genome) การทดสอบยาต่อต้านไวรัสด้วยกระบวนซิลิโคสกรีนนิ่ง (silico screening) และการคัดกรองผู้ป่วยโดยใช้ผู้ช่วย AI วิเคราะห์ผลตรวจ CT scan

huawei AI covid-19 video conferencing Telemedicine

ในด้านการศึกษา HUAWEI CLOUD ได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์หลายรายในการส่งมอบบริการการศึกษาออนไลน์ให้แก่โรงเรียนและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยบริษัท Ulearning จากประเทศอินโดนีเซียได้ร่วมกับ HUAWEI CLOUD เพื่อเปิดตัวโซลูชันการศึกษาออนไลน์ ซึ่งได้นำไปปรับใช้กับมหาวิทยาลัยมูฮัมมาดียะห์ ยาการ์ตา (Muhammadiyah University of Jakarta)

เมื่อไม่นานมานี้ หัวเว่ยยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาผ่านเว็บไซต์ webinar ร่วมกับ UNESCO IITE และ UNESCO ICHEI สำหรับการเรียนออนไลน์ของระดับอุดมศึกษา เพื่อเปิดตัวหลักสูตร Learn ON ที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี ICT รับมือในช่วงเหตุการณ์วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ สร้างโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนักเรียนนักศึกษา โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักศึกษากว่า 50,000 คนที่จะได้รับการเรียนการสอนผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ด้วยตัวเอง (self-learning courses) และยังมีโครงการเปิดคอร์ส “เทรนผู้ฝึกสอน” อีกกว่า 100 ชั้นเรียน โดยจะฝึกอบรมครูผู้สอนจำนวนมากกว่า 1,500 คน ซึ่งจะเริ่มจากเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 นี้