Google-Apple-Covid-19

Apple และ Google ร่วมมือพัฒนา ระบบช่วยติดตาม ป้องกันการแพร่กระจาย COVID-19

ในยามที่โลกเกิดวิกฤติสองคู่แข่งทางเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Google ก็หันหน้าเข้าหากันพร้อมประกาศเปิดตัวระบบสำหรับติดตามการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19

ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ รวมถึงช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่าเขามีความเสี่ยงเพราะไปอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19

การจับมือกันของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยวิศวกรของทั้งสองบริษัทเข้ามาหารือกันถึงความเป็นไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างสองระบบ Android และ iOS

โดยเบื้องต้น ปัญหาที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญคือ การเปิดบลูทูธเอาไว้ตลอดเวลา ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างสูง รวมถึงปัญหาทางด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

ตอนนี้ทั้งสองก็หาข้อสรุปได้แล้ว โดยช่วงแรก (Phase 1) ทาง Apple และ Google นั้นจะร่วมมือกันสร้าง API (Application Programming Interface) กลางขึ้นมาแล้วให้หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขนำแอปพลิเคชันมาเชื่อมต่อ โดยจะปล่อยให้ใช้งานกันในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

Google Apple Covid-19

ช่วงที่สอง (Phase 2) จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นนำไปใช้กับเครื่องมือติดตามอื่น ๆ ได้ โดยจะพัฒนาลงบนตัว OS เลยทำให้ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันมาลง ซึ่งจะตอบสนองกับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

เรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวนั้นจะใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ Beaconsในการสื่อสารข้อมูล บอกระยะใกล้ไกลกันระหว่างอุปกรณ์ โดยจะไม่มีการระบุตำแหน่ง หรือพิกัด (ใช้ Bluetooth ไม่ได้ใช้ GPS) และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยชุดรหัส เมื่อมีอุปกรณ์ (ที่ใช้แทนตัวบุคคล) อยู่ในบริเวณเดียวกันและใกล้ชิดกัน ซึ่งรหัสจะเปลี่ยนทุก ๆ 15 นาที

อุปกรณ์แบบ Beacons นั้น จะใช้บลูทูธ Bluetooth 4.0 LE (Low Energy) ในการสื่อสารกันระหว่างสมาร์ทโฟนทำให้แก้ปัญหาในเรื่องของการใช้พลังงานได้

ทาง Apple และ Google ได้แสดงภาพของการใช้งานเป็นภาพง่าย ๆ โดยทาง TechOffside ได้ทำการแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่าย ๆ ด้งนี้ครับ

Google-Apple-Covid-19 Google-Apple-Covid-19

ทาง Apple และ Google นั้นคาดหวังว่า พลังของเทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกชะลอการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้บ้างและทำให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติโดยเร็ววัน

ที่มา – theverge.com, techcrunch.com, blog.google