กองทัพสหรัฐฯ ห้ามทหารเล่น TikTok หวั่นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ

กองทัพสหรัฐฯ แบนไม่ให้ทหารใช้งานแอป TikTok ส่งผลให้ทหารของกองทัพไม่สามารถใช้งานแอปดังกล่าวได้บนโทรศัพท์ของรัฐบาล

การตัดสินใจแบนครั้งนี้ เกิดจากความกังวลอย่างต่อเนื่อง ที่มีต่อแอปวิดีโอ ของ บริษัท ByteDance ที่ตั้งในกรุงปักกิ่ง ถูกมองว่า เป็นภัยคุมคามความมั่นคงของชาติ หรือ ถูกใช้ครอบงำคนอเมริกัน

Robin Ochoa โฆษกหญิงของกองทัพสหรัฐฯ บอกกับทาง Military.com ว่า แอปนี้เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ แต่ทางกองทัพฯก็ใช้แอป TikTok ในการเกณฑ์ทหาร ก่อนที่จะสั่งแบนมันในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 

ทางกองทัพเรือ และ กระทรวงกลาโหม เองก็ตื่นตัวเกี่ยวกับแอปนี้เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ กองทัพเรือได้บอกกับทางบรรดาทหารภายใต้สังกัด ห้ามไม่ให้ใช้งานแอป TikTok รวมถึง ให้ลบแอปนี้ออกจากอุปกรณ์ที่เป็นของทางรัฐบาลด้วย (หากมีการลงแอปดังกล่าวในอุปกรณ์นั้นๆ ไปแล้ว)

กระทรวงกลาโหมเอง ก็แจ้งกับทางพนักงาน และ เจ้าหน้าที่ภายใต้สังกัดว่า

  • ให้ระมัดระวังแอปที่ดาวน์โหลด
  • ให้ตรวจสอบโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ ว่า มีพวกข้อความที่ผิดปกติ ข้อความที่ไม่พึงประสงค์ เข้ามาหรือไม่ ถ้ามี ให้ลบทันที
  • ให้ถอนแอป TikTok ออกจากเครื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

US Army Banned TikTok

แอป TikTok ถูกจับตา และ ตรวจสอบอย่างละเอียด จาก คณะกรรมการกำกับดูแลการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐฯ หรือ the Committee on Foreign Investment in the United States (CFIUS) หลังจาก ฝ่ายนิติบัญญัติ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบแอปนี้ในเดือนตุลาคม 2019 เพื่อดูว่า รัฐบาลจีน สามารถเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน และ ควบคุม content ที่แชร์ได้หรือไม่

วุฒิสมาชิก Tom Cotton และ วุฒิสมาชิก Chuck Schumer มองความเป็นไปได้ที่ แอป TikTok ว่า มันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการเลือกตั้ง รวมถึง ใช้ในการปิดข่าวการประท้วงในฮ่องกง

CFIUS ยังพิจารณาและทบทวนประเด็นที่ ByteDance บริษัทเจ้าของแอป TikTok ที่เข้าซื้อแอป Musical.ly แอปของทางฝั่งสหรัฐฯในมูลค่า 1 พันล้านดอลล่าร์ ในปี 2017 ด้วย

ทาง TikTok เองก็เคยบอกเอาไว้ในแถลงการณ์เดือนตุลาคมว่า ที่พวกเค้าไม่ทำการลบ content ออก แม้ว่าทางรัฐบาลจีนจะร้องขอก็ตาม นอกจากนั้น TikTok ยังเสริมอีกว่า ข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐ ก็ถูกเก็บในฐานข้อมูลในสหรัฐฯ และมีการสำรองข้อมูลไว้ที่สิงคโปร์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับทางการจีนแต่อย่างใด

ที่มา : The Verge