Samsung BLUE SKY AX7500

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500 จัดการฝุ่น PM0.3 ได้ถึง 99.9%

พบกับ รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500 ที่เน้นประสิทธิภาพในการจัดการบรรดาฝุ่นในอากาศได้อย่างรวดเร็ว สามารถกรองฝุ่นอนุภาคเล็ก ถึงระดับ PM0.3 ได้มากถึง 99.9% รวมถึงยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย พร้อมทั้งทำงานสั่งการผ่าน Bixby และเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ได้

ปัจจุบัน เราต้องยอมรับแล้วว่า อากาศในเมืองนั้นเต็มไปด้วยมลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ยิ่งเป็นช่วงที่อากาศปิดและมลพิษต่างๆ สะสมจนบ่อยครั้งเกินค่ามาตรฐาน

และแม้ว่าเราจะอยู่ในบ้านหรืออาคาร เจ้ามลพิษแและฝุ่นอานุภาคเล็กทั้งหลาย ก็สามารถเข้ามาและสะสมในบ้านของเราได้ด้วย ก็คงไม่ดีแน่ถ้าเราจะต้องอยู่กับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ที่มีผลกับการดำรงชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะใครที่เป็นโรคแพ้อากาศ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ

Samsung BLUE SKY AX7500 เป็นเครื่องฟอกอากาศสำหรับพื้นที่ในอาคาร ประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศของซัมซุงนั้น ถือว่ามีความเชี่ยวชาญในระดับแนวหน้า ด้วยสภาพอากาศของเกาหลีใต้ที่คล้ายกับประเทศไทย คือเมืองใหญ่มีมลพิษ และอากาศปิดในฤดูหนาว ซัมซุงนั้นเป็นแบรนด์ที่ขายเครื่องฟอกอากาศได้เป็นอันดับ 1 ในเกาหลีใต้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี และนี่ก็เป็นการมาเปิดตลาดในไทย หลังจากที่คนไทยเริ่มเล็งเห็นแล้วว่า อากาศที่บริสุทธิ์ภายในบ้านมีความสำคัญมากขึ้น

เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500

มาดูกันที่รูปร่างหน้าตา และขนาดกันก่อน AX7500 ตัวเครื่องเป็นทรงแบบ Tower ขนาดมิติตัวเครื่อง 36.0 x 105.4 x 28.4 เซนติเมตร น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ขนาดของตัวเครื่องถือว่าไม่เล็ก เพราะกำลังในการทำงานก็ถือว่าแรงเลยทีเดียว ด้วยระบบพัดลมแบบ Dual Power Fan ที่มีตรการการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ได้เร็วถึง 701 ลบ.ม. ต่อชั่วโมง

ตัวเครื่องออกแบบช่องการกระจายอากาศได้ 3 ทิศทาง คือด้านหน้า และด้านข้าง ทำให้เราสามารถวางตั้งมันชิดกับกำแพงได้อย่างไม่รู้สึกเกะกะอะไร และด้านข้างเครื่องจะมีเลเซอร์เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นอาณุภาคเล็กได้อย่างแม่นยำ และเซนเซอร์ตรวจจับแก๊สอันตรายและกลิ่นต่างๆ ได้

เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500

ด้านบนจะเป็นชุดควบคุมการทำงาน ที่จะมีแถบแสงแสดงค่าคุณภาพอากาศได้ 4 ระดับ มีเป็น สีฟ้า (ดีมาก) สีเขียว (ดี) สีเหลือง (เริ่มไม่ดี) และ สีแดง (แย่มาก) ทำให้เรามองเห็นได้สภาพอากาศในห้องตอนนี้เป็นอย่างไร

ตัวหน้าจอแสดงผลการทำงาน จะมีบอกค่าระดับฝุ่นในขนาดต่างๆ ว่าอยู่ในค่ามาตรฐานใด มีแสดงให้เห็นตั้งแต่ PM10, PM2.5, PM1.0 และมีสัญลักษณ์แสดงคุณภาพอากาศว่ามีแก๊สแปลกปลอมหรือไม่ พร้อมไอคอนบอกสถานะการเชื่อมต่อออนไลน์และตัวล็อคปุ่มกด

ชุดปุ่มกดควบคุมเป็นแบบสัมผัส ที่สั่งเปิดปิดการทำงานของเครื่อง, ปรับระดับความแรงของพัดลม, เลือก Sleep Mode สำหรับเวลานอน, ตั้งเวลาปิดเครื่อง, ปิดไฟแสดงผล และเลือกเปลี่ยนดูค่าระดับฝุ่น

ระบบการฟอกอากาศ ใน เครื่องฟอกอากาศ ซัมซุง BLUE SKY AX7500 จัดมาให้ด้วยแผ่นกรองอากาศถึง 3 ชั้น

  • แผ่นกรอง Pre-filter สำหรับดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ ด้วย ที่เราสามารถถอดออกไปล้างทำความสะอาดได้เอง
  • แผ่นกรอง Activated Carbon ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์มากขึ้นด้วย ที่สามารถดูดซับเรื่องของก๊าซอันตราย และกลิ่นต่างๆ ได้
  • แผ่นกรอง HEPA ที่ กรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0 และ PM0.3 ได้มากถึง 99.9% รวมถึงยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500

การควบคุมใช้งาน นอกจากจะเป็นแบบกดสั่งงานที่ตัวเครื่องแล้ว เรายังสามารถสั่งงานผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ด้วย (ไม่มีรีโมทคอนโทรลสำหรับสั่งงานนะ) โดยเราจะต้องทำการเชื่อมต่อออนไลน์ผ่าน Wi-Fi และลงทะเบียนการควบคุมใช้งานผ่านแอป SmartThings ของ Samsung มีรองรับทั้งใน Android และ iOS

เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เราก็สามารถเปิดแอพเพื่อสั่งงานการทำงานทุกอย่างได้จากในสมาร์ทโฟนได้เลย ทั้งการสั่งควบคุมเปิดปิด เช็คสถานะการทำงานของ เครื่องฟอกอากาศ ว่าทำงานอยู่หรือไม่? และสภาพอากาศในห้องอยู่ในระดับใด โดยที่เราสามารถเข้ามาดูได้จากทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่บ้านก็ได้

สมมติกำลังขับรถกลับบ้าน ก็สามารถเข้าแอพมากดสั่งเปิดเครื่องฟอกอากาศให้ทำงานรอไว้ก่อนที่เราจะถึงไว้ก็ได้ รวมถึงจะตั้งเวลาการเปิด และปิดเครื่องฟอกแบบเป็นตารางเวลา ก็สามาถจัดการผ่านแอพได้ด้วยเช่นกัน

และสำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนของ Samsung เราสามารถสั่งงานผ่านคำสั่งเสียงด้วย Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะได้เลย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย สามารถสั่งเป็นภาษาอังกฤษ และสั่งคำสั่งอัตโนมัติได้หลายอย่าง ตั้งแต่สั่งเปิดปิด และตั้งเวลาได้เลย ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน

ประสบการณ์หลังจากลองใช้ เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500

สิ่งที่สะดุดตามากๆ คือเรื่องของขนาด ที่เป็นทรง Tower ค่อนข้างสูงพอสมควร และน้ำหนักที่ 15 กิโลกรัม ก็ถือว่าไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนในบ้าน เหมาะตั้งเป็นที่เป็นทางไปเลย แต่ก็ดีตรงที่การออกแบบให้ลมพัดออกได้ 3 ทิศทางคือ ด้านข้างและด้านหน้า เราสามารถวางตั้งไว้ชิดกำแพงห้องก็ได้

ผมลองใช้งาน กับพื้นที่โถงกลางบ้านชั้น 2 เป็นพื้นที่นับรวมๆ แล้วประมาณ 45 ตารางเมตร เป็นส่วนที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ มีเปิดหน้าต่างให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ สำหรับตัวบ้านนั้นอยู่ในกรุงเทพฯ พื้นที่ไม่ได้ติดถนน ตอนแรกก็คิดว่าฝุ่นที่บ้านไม่น่าจะเยอะปรากฏว่าเปิดใช้งานครั้งแรก ค่าฝุ่นละอองที่ AX7500 ตรวจได้ ขึ้นระดับสีแดงทันที!!

การทำงานครั้งแรก ผมจัดการปิดหน้าต่างบริเวณนั้น แล้วปล่อยให้ AX7500 ทำงานไป ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบ 40 นาที ตัวค่าฝุ่นละอองทั้ง PM10, PM2.5 และ PM1.0 จะปรับระดับลงมาเป็นสีเขียว หลังจากนั้นก็ทำการเปิดแอร์แล้วทำงานไปสักพักค่าฝุ่นละอองก็ลดลงมาเป็นระดับดีสุดๆ สีน้ำเงิน

จุดสังเกตคือ หลังจากที่ใช้งานต่อเนื่องทุกวัน ตัวค่าฝุ่นละอองตอนที่เปิดเครื่องนั้นจะไม่สูงเหมือนวันแรกๆ รวมถึงเวลาที่ทำการฟอกอากาศจนเป็นระดับสีเขียวก็น้อยลง จนสุดท้ายแล้ว ในการทำงานตอนเปิดเครื่องประมาณไม่ถึง 10 นาทีห้องก็อยู่ในระดับอากาศดีสีเขียวได้แล้ว

มาเรื่องของเสียงบ้าง ตามสเปคนั้นอยู่ที่ประมาณ 54 เดซิเบล ในการใช้งานจริง ถ้าเปิดแบบลมแรงสุด เสียงก็ดังอยู่พอสมควร แต่ถ้าเลือกเป็น auto พัดลมจะดังแค่ช่วงแรกๆ เพื่อเร่งทำการฟอกอากาศในห้องให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากนั้นพัดลมก็จะทำงานเบาลง ในระดับที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวน และถ้าเลือกเป็นโหมด Sleep อันนี้เบาจนเรียกว่าแทบนะไม่ได้ยินเลย ซึ่งลมก็จะพัดเพียงเอื่อยๆ เท่านั้น

สรุปหลังทดสอบใช้งาน ชอบ/ไม่ชอบ

สิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากที่ใช้งานก็คือ ในบ้านเรานี่ฝุ่นเยอะเหมือนกันแฮะ (ฮา) คิดว่าบ้านไม่ติดถนน ต้นไม้เยอะ จะมีฝุ่นน้อย แต่เอาเข้าจริงมันมีปัจจัยอื่นๆ และฝุ่นนั้นเรามองไม่เห็น การมีเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ว่าอากาศในบ้านของเราเป็นอย่างไร

ส่วนที่ชอบหลักๆ ของรุ่นนี้ก็คือ การทำงานที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ถ้าพื้นฐานแค่กดปุ่มเปิด แล้วกดเลือกโหมด ก็ทำงานได้ทันที กดปรับตั้งเวลาปิดได้ หรือจะเร่งลมก็ทำได้ ซึ่งถ้าอยาก advance กว่านั้นก็เชื่อมต่อออนไลน์กับแอพในมือถือ อันนี้ก็สะดวกเข้าไปอีก เพราะเลือกดูสถานะการทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องอยู่บ้านก็ได้ แล้วก็ตั้งตารางเวลาการทำงานได้และถ้าใช้สมาร์ทโฟนซัมซุง ก็สั่งผ่าน Bixby ก็ได้ด้วยเช่นกัน

ตัวฟิลเตอร์ฟอกอากาศ ถอดออกมาล้างไม่ยาก ส่วนนอกสุดอันนี้สามารถแกะออกไปฉีดน้ำตากแดดให้แห้ง เหมือนฟิลเตอร์ของเครื่องปรับอากาศได้เลย ส่วนฟิลเตอร์คาร์บอน กับ HEPA นั้นเมื่อถึงครบอายุการใช้งาน ก็จะมีแจ้งเตือนที่ตัวเครื่อง หรือเปิดเช็คได้จากในแอพ

เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUE SKY AX7500

มาเรื่องที่รู้สึกไม่ชอบบ้าง อย่างแรกก็คือ มันไม่มีรีโมทคอนโทรลแบบธรรมดา คือถ้าไม่เชื่อมต่อกับแอพ SmartThings แล้วอยากจะปรับการทำงาน ก็ต้องเดินไปกดเอาที่ตัวเครื่องอย่างเดียว แอบเสียดายที่ไม่ใส่การควบคุมเบสิคแบบนี้มาให้ด้วย

ถ้าถามว่า Samsung BLUESKY AX7500 รุ่นนี้เหมาะสำหรับใคร ผมว่าด้วยขนาดและประสิทธิภาพแล้ว เหมาะสำหรับใช้งานในบ้าน, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม หรือห้องสำนักงาน ถ้าเป็นห้องนอนคอนโดมิเนียมหรือหอพัก ผมว่าตัวเครื่องมันใหญ่ไปหน่อย แนะนำว่าเหมาะกับพื้นที่ๆ มีขนาด 30-60 ตารางเมตร ถือว่ากำลังดี และแนะนำว่า เอาไว้ใช้ในห้องที่เราใช้เวลาอยู่นานที่สุดของบ้าน อย่างเช่นห้องนอน, ห้องทำงาน หรือส่วนนั่งรับแขกกลางบ้าน

สำหรับ เครื่องฟอกอากาศ Samsung BLUESKY AX7500 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 29,990 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง www.samsung.com/th และขอขอบคุณ ซัมซุง (ประเทศไทย) สำหรับสินค้าในการทดสอบรีวิวครั้งนี้ครับ