MacBook Pro 2018 core i9

ลูกค้าแห่คืน MacBook Pro 2018 core i9 หลังใช้งานแล้วทำความเร็วไม่ได้อย่างที่โม้!

หลังจากที่ทาง Apple ได้ประกาศปรับอัพเดทสเปคของ MacBook Pro ใหม่ไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่สเปคได้อัพมาใช้ชิป Intel 8th Generation และยังมีให้เลือกปรับแต่งอัพให้เป็นชิปตัวแรงสุดอย่าง core i9 ได้ด้วย แต่ว่าดันมีปัญหาขึ้นมาแล้วสิ เพราะมีผู้ใช้งานที่ซื้อเครื่องแบบอัพสเปค MacBook Pro 2018 core i9 ไป พอใช้งานจริงกลับเจอปัญหาความร้อนสะสม จนทำให้เครื่องไม่สามารถทำความเร็วได้ถึงระดับ 2.9 GHz ตามที่โฆษณาเอาไว้

MacBook Pro 2018 core i9 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $2800 หรือประมาณ 93,100 บาท

มีข้อมูลการทดสอบที่เผยแพร่โดยยูทูปเบอร์ที่ชื่อว่า Dave Lee ได้ทดสอบการใช้งานเทียบกันระหว่าง MacBook Pro 2018 core i9 กับเครื่องรุ่นเก่าที่ออกมาในปีที่แล้วอย่าง MacBook Pro 2017 ที่ใช้เป็นชิป Intel Core i7 ปรากฏว่าในการทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง อย่างการเรนเดอร์คลิปวิดีโอใน Adobe Premier Pro รุ่น 2018 ที่เป็นชิป Core i9 กลับใช้เวลานานกว่ารุ่นเก่าเสียอีก!

MacBook Pro 2018 core i9

สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้ มาจากระบบการระบายความร้อนภายในของ MacBook Pro นั้น ไม่สามารถลดอุณหภูมิภายในเครื่องได้ทัน เพราะว่า Core i9 นั้นเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงก็จริง แต่ก็ใช้พลังงานและมีความร้อนระหว่างทำงานที่สูงมากด้วยเช่นกัน

มีการทดสอบกันถึงขั้นลองเอา MacBook Pro 2018 รุ่นที่ใช้ซีพียู core i9 ไปใส่ไว้ในช่องฟรีซของตู้เย็น เพื่อลดความร้อนสะสมในตัวเครื่อง ปรากฎว่าเครื่องสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแลเร็วขึ้นทันที

กรณีนี้ทำให้แฟนๆ ของ Apple ที่ซื้อ MacBook Pro รุ่นใหม่ไปพร้อมอัพเกรดเป็น Core i9 ต่างทำเรื่องส่งเครื่องและขอเงินคืนจากทาง Apple เพราะว่าไม่พอใจกับประสิทธิภาพการทำงานที่ได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

MacBook Pro 2018 core i9

ความเห็นจากทีมข่าว ล้ำหน้าโชว์

สำหรับ MacBook Pro 2018 นี้จะเริ่มวางขายในไทยภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ และปัญหานี้ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อว่าทาง Apple จะต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะว่ามาจากที่การออกแบบตัวฮาร์ดแวร์ (จริงๆ ต้องเรียกว่า ไม่ได้ออกแบบฮาร์ดแวร์ให้รองรับกับ CPU ตัวใหม่ซะมากกว่า) ดังนั้นใครหวังจะซื้อให้เพื่อเอาเป็น Core i9 คงต้องหยุดโครงการ และให้ Apple แก้ปัญหานี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

หรือไม่ก็ซื้อมาแล้วเอาแช่ไว้ในช่องฟรีซตู้เย็น ก็น่าจะพอช่วยแก้ปัญหานี้ได้ไปก่อน

ข้อมูลจาก : Business Insider