รีวิว Plantronics BackBeat Fit

รีวิว Plantronics BackBeat Fit หูฟังบลูทูธสำหรับออกกำลังกาย

หูฟังตัวที่ทางทีมงาน ล้ำหน้าโชว์ ได้มาลองทดสอบใช้ล่าสุดตัวนี้คือ Plantronics BackBeat Fit ถือว่าเป็นรุ่นที่ออกมาในตลาดได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ในเวอร์ชั่น 2018 นี้มีการ bundle แถมสมาชิกแอพ PEAR ที่เอาไว้สำหรับฝึกเทรนนิ่งออกกำลังกายแถมมาให้ด้วย

นอกจากนาฬิกาสำหรับเก็บข้อมูลการวิ่งแล้ว หูฟังก็ถือเป็นอีกไอเท็มที่คนชอบออกกำลังกายยุคนี้อยากได้กัน เพราะว่าระหว่างวิ่งหรือปั่นจักรยาน ถ้าเงียบๆ ก็ดูจะน่าเบื่อ เปิดเพลงที่ชอบจังหวะสนุกๆ ประกอบไปด้วยก็จะช่วยให้เพลิดเพลินมากกว่าเดิม และหูฟังแบบไร้สาย (Wireless) ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ตอนนี้ก็มีหลากรุ่นหลายแบบให้เลือก ดีไซน์การออกแบบ, คุณภาพเสียง และฟีเจอร์การใช้งานก็มีอย่างเยอะ

Plantronics นั้นถือว่าเป็นแบรนด์ผลิตหูฟังชื่อดังอีกยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีคนใช้กันอยู่ไม่น้อย ต้นกำเนิดมาจากทางฝั่งอเมริกา ที่ทำตัวหูฟัง small talk เพื่อการสนทนา และหูฟังไร้สายในตระกูล BackBeat ก็มีออกมาหลายตัว สำหรับ BackBeat Fit ตัวนี้มีดีกรีได้รางวัล Design Award ของ Reddot และ Innovation Award จากงาน CES มาแล้ว

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

การออกแบบ

BackBeat Fit เป็นหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีไลฟสไตล์ชอบออกกำลังกายโดยเฉพาะ ตั้งแต่การวิธีการสวมใส่ในลักษณะของการคล้องด้านหลังใบหู ช่วยให้แน่นกระชับ มั่นใจได้ว่าไม่หลุดระหว่างที่ขยับหรือเคลื่อนไหว ตัววัสดุเป็นยางสังเคราะห์ที่มีความยืดหยุ่นและน้ำหนักเบาเพียงแค่ 24 กรัม

ตัวสายมีการเคลือบสารที่เป็น Nano Coating ของ P2i ช่วยป้องกันความชื้นและปฎิกริยาที่จะเกิดขึ้นจากเหงื่อ และยังสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ระดับมาตรฐาน IP57 สามารถล้างทำความสะอาดได้ด้วยน้ำ (แต่ใส่ว่ายน้ำไม่ได้) ส่วนที่ตัวสายคล้องด้านหลังจะมีตัวสะท้อนแสงไฟจากรถ สำหรับใช้วิ่งหรือปั่นจักรยานในเวลากลางคืนอีกด้วย

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

ที่ตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างนั้นจะมีชุดของปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่ โดยที่บริเวณสายจะไม่มีอะไรมาห้อยโตงเตงให้รู้สึกรำคาญระหว่างเคลื่อนไหว ที่หูด้านขวาจะมีปุ่มกดสำหรับ เปิด-ปิด, ปุ่มคำสั่งเมนู, ไฟ LED แจ้งสถานะการทำงาน, ช่องเสียบ Micro USB ส่วนหูด้านซ้ายจะมีปุ่มกดปรับระดับเสียง และปุ่มควบคุมการเล่นเพลง

มาดูที่ชุดของลำโพงหูฟัง ใช้เป็นไดร์เวอร์ขนาด 13 มิลลิเมตร แล้วตัวยางหูฟังนั้นจะเป็นแบบกรวยเสียง เหมือนกับ Earpod ของ Apple การใส่จึงเป็นเพียงแค่ให้กรวยเสียงยิงเข้าไปในรูหูของเรา ไม่ได้เป็นการใช้จุกอย่างอุดเข้าไปเหมือนกับหูฟังแบบ In-Ear

นอกจากนี้ตัวหูฟังจะมีไมโครโฟนสำหรับใช้เวลาสนทนารับสายในสมาร์ทโฟน หรือใช้พูดเพื่อสั่งเป็นคำสั่งเสียงได้อีกด้วย

แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน

การใช้งาน Plantronics BackBeat Fit จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 3.0 รองรับการใช้งานได้ทั้งระบบ iOS และ Android หรือจะใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นที่ส่งสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth ที่เป็น A2DP และ AVRCP

วิธีเชื่อมต่อนั้นก็เหมือนกับอุปกรณ์บลูทูธทั่วไป (กดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที) โดยที่ Plantronics ได้มีทำแอพพลิเคชั่นเสริมที่ชื่อว่า BackBeat Fit ทำหน้าที่แสดงสถานะของตัวหูฟังที่เชื่อมต่ออยู่ แล้วยังสั่งให้สลับการเชื่อมต่อไปใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ โดยตัวหูฟังจะสามารถจำ Profile ของอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ 3 ชิ้นด้วยกัน และแอพตัวนี้ยังเอาไว้ใช้สำหรับสั่งอัพเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับประสิทธิภาพการใช้งานที่จะมีปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ในอนาคต

PEAR Personal Coach Application

PEAR Personal Coach Application

เป็นความพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาในเวอร์ชั่น 2018 โดยทาง Plantronics ร่วมมือกับแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า PEAR เป็นระบบการฝึกกีฬาและออกกำลังกายผ่านออนไลน์ โดยโค้ชและเทรนเนอร์มืออาชีพ รวมถึงนักกีฬาโอลิมปิคที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ปกติแล้วการใช้งานแอพ PEAR นี้จะต้องเสียค่าสมาชิกแบบรายเดือนจึงจะใช้งานได้ แต่ในกล่องของ Plantronics BackBeat Fit เวอร์ชั่น 2018 จะให้รหัสไป Activate รับโค้ดโปรโมชั่น เพื่อใช้งานได้ฟรีไปเลย 6 เดือน ส่วนวิธีสังเกตว่าตัว BackBeat Fit เป็นเวอร์ชั่น 2018 หรือเปล่า ให้ดูที่กล่องแพ็คเกจด้านข้างจะมีสติกเกอร์ของ PEAR ติดอยู่

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

การใช้งานคู่กับแอพ PEAR เราจะต้องมีตัวเซนเซอร์วัด Heartrate แบบ Bluetooth เพื่อเก็บค่าอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างฝึก และตัวแอพจะมีคอร์สฝึกให้เราเล่นตามตารางและปฎิทินที่กำหนด ในระหว่างเล่นเราจะสวมหูฟัง Plantronics BackBeat Fit เพื่อฟังเพลงระหว่างที่ฝึก แล้วจะมีเสียงของเทรนเนอร์คอยแจ้งบอกให้เราปฏิบัติตามหรือเตือนในเรื่องของ HR Zone ของเรา

เรียกได้ว่าใครอยากได้โค้ชชิ่งส่วนตัวไว้เล่นที่บ้าน ซื้อหูฟังมากก็ได้แถมให้ใช้ระบบนี้ฟรีๆ ไปเลย 6 เดือน แต่ว่าตัวระบบนี้จะมีเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว ไม่มีภาษาไทยนะ

แบตเตอรี่และการใช้พลังงาน

การชาร์จแบตเตอรี่นั้นจะเสียบชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB ที่อยู่ด้านขวาของหูฟัง ตัวแบตเตอรี่เมื่อชาร์จจนเต็ม จะสามารถใช้งานเพื่อฟังเพลงได้นานต่อเนื่องสูงสุดที่ 8 ชั่วโมง หรือรับสายแล้วคุยสนทนาได้ 6 ชั่วโมง และถ้าสแตนบายจะอยู่ได้ถึง 14 วัน

โดยที่ระหว่างสวมใส่ใช้งาน เราสามารถกดปุ่ม Power (ที่หูด้านขวา) ตัวระบบจะมีเสียงพูดบอกเราว่าตอนนี้มีแบตเตอรี่เหลือใช้งานได้อีกกี่ชั่วโมง

อีกทั้งตัว Plantronics BackBeat Fit นั้น ยังใส่ระบบชาร์จเร็ว ที่ใช้เวลาชาร์จ 15 นาที ก็จะสามารถเติมแบตเตอรี่ให้ใช้งานฟังเพลงไปได้อีก 1 ชั่วโมง เหมาะสำหรับเวลาที่ลืมชาร์จก็สามารถเสียบชาร์จด่วนๆ แล้วสวมเพื่อเล่นกีฬาได้เลย ส่วนการเสียบชาร์จนแบตเตอรี่เต็ม จะใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

ประสบการณ์ใช้งาน

มาถึงการทดสอบและใช้งานบ้าง ส่วนตัวก่อนหน้านี้ผมจะใช้หูฟังในการออกกำลังกายแบบ In-Ear ที่มีจุกยางอุดเข้าไปในรูหู แตกต่างจาก Plantronics BackBeat Fit ที่ตัวหูฟังเป็นแบบ Earpod ทรงกรวยเสียงยิงเข้าไปแทน

ความกระชับในการสวมใส่ถือว่าดีมาก ด้วยตัวสายคล้องด้านหลังหู และที่ตัว earbud ก็มียางสำหรับดันอยู่ด้านในใบหู ทำให้เวลาที่สวมแล้วหูจะไม่ขยับหรือหลวม แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญแต่อย่างใด จังหวะในการเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง, ปั่นจักรยาน หรือเล่นเวทก็ไม่มีหลุด

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

เมื่อใช้งานแล้ว ก็เห็นข้อดีของหูที่เป็นแบบทรงกรวย ไม่ใช่ In-Ear ก็คือ มันไม่ได้ถูกอัดเข้าไปในหูจนแน่น ทำให้เวลาที่สวมใส่แล้วฟังเพลง ยังทำให้เรายังได้ยินเสียงในสภาวะแวดล้อมตัวเราได้อยู่ เพราะถ้าหากใส่หูฟังแล้วได้ยินแต่เพลงจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง การวิ่งหรือปั่นจักรยานโดยไม่ได้ยินเสืยงอะไรเลย คืออันตรายที่น่ากลัวที่สุด แต่ว่าการฟังนั้นก็ไม่ควรเปิดเสียงจนดังมาก เพราะก็จะกลบเสียงแวดล้อมอยู่ดี ควรเลือกระดับเสียงกลางๆ แทน

ข้อดีต่อมาของรูปทรงหูฟังตัวนี้คือ ใส่นานๆ แล้วไม่ปวดหู หลายคนที่ใช้หูแบบ In-Ear มักจะเจอปัญหาคือใส่ไปนานๆ สักชั่วโมงกว่าๆ ก็จะเริ่มรู้สึกปวดที่ใบหู แต่กับ Plantronics BackBeat Fit เท่าที่ลองใช้งานแบบต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมงก็ยังใส่ได้สบายไม่รู้สึกปวดแต่อย่างใด

การควบคุมใช้งานระหว่างที่สวมใส่ก็ค่อนข้างสะดวกสบาย ด้วยการออกแบบให้มีปุ่มอยู่เพียงแค่ 4 ปุ่ม (ข้างละ 2 ปุ่ม) แล้วใช้คำสั่งด้วยการกด, กดค้าง​ หรือกดซ้ำ เพื่อสั่งคำสั่งต่างๆ อย่างเช่นปุ่มควบคุมการเล่นเพลงที่หูซ้าย ถ้ากด 1 ครั้งจะเป็นการเล่นหรือหยุดเพลง ถ้ากด 2 ครั้งติดกันจะเป็นการสั่งให้เล่นเพลงต่อไป ถ้ากดค้างก็จะย้อนไปเล่นเพลงก่อนหน้า ส่วนปุ่มปรับเสียง กด 1 ครั้งเป็นเพิ่ม และถ้ากดค้างจะเป็นลดเสียง ตอนที่ใช้งานก็เลยกดได้ง่าย ไม่ต้องคลำหาปุ่มหลายปุ่มเพื่อควบคุม

การสั่งเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟน ทั้งกดรับสาย-วางสาย ทำได้จากปุ่มทางด้านขวา และเมื่อกดค้างไว้จะเป็นการเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ ถ้าใน iPhone ก็จะเป็น Siri ส่วนแอนดรอยด์ก็จะเป็น Google Assistant เรากดแล้วพูดสั่งงานได้ทันที

รีวิว Plantronics BackBeat Fit

คุณภาพเรื่องเสียง

มาพูดกันเรื่องคาแรคเตอร์เสียงของ Plantronics BackBeat Fit กันบ้าง ระบบจะรองรับ HQ custom SBC codec การทดสอบหลังจากผ่านระยะเบิร์นไปแล้ว เสียงที่ได้ถือว่าดีและน่าประทับใจ เสียงเบสฟังได้สนุก แต่ไม่ได้อัดหนักเป็นลูก ส่วนย่านกลางก็ทำได้ดี เมื่อดูโดยรวมแล้ว เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นอาจจะไม่ได้แยกชัดมากนัก แต่ก็ดีเพียงพอสำหรับการใช้ฟังระหว่างการออกกำลังกาย คาแรคเตอร์เสียงจะเหมาะกับคนที่ชอบเพลงแนวจังหวะสนุกๆ อย่างป็อป, ร็อค หรือ EDM ที่ช่วยให้จังหวะในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งจุดดีในการใช้งานด้านเสียงก็คือ การดีเลย์ของเสียงเมื่อใช้กับ iPhone ถือว่าแทบจะไม่ดีเลย์เลย ก่อนหน้านี้ในหูฟังตัวอื่นที่เป็นกลุ่มราคาเดียวกันกับตัวนี้ ยังมีเจออาการเสียงที่ส่งมาช้ากว่าความเป็นจริงประมาณ 1-2 วินาที ซึ่งจะมีผลกับเวลาที่เราใช้งานด้านความบันเทิงเช่น ดูหนัง หรือเล่นเกม แต่กับ Plantronics BackBeat Fit นั้นแทบจะไม่มีสะดุดหรือทิ้งช่วงเลย (แต่กับที่ลองกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ยังเห็นการดีเลย์อยู่บ้างประมาณ 1 วินาที) และเรื่องสัญญาณรบกวนนั้นก็มีน้อย อยู่ในพื้นที่ๆ มีสัญญาณรบกวนมากก็ยังใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาหลุดแต่อย่างใด

ข้อจำกัดและจุดด้อย

คราวนี้มาดูจุดที่ลองใช้แล้วยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ส่วนตัวผมเจอปัญหาอย่างแรกในดีไซน์ของตัว BackBeat Fit ก็คือ เวลาที่เราถอดหูฟังและคล้องคอเอาไว้ มันชอบที่จะไหลหล่นโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยมาก ด้วยความที่สายไม่ได้ยาว แถมค่อนข้างเบา ทำให้เวลาที่ถอดออกแล้วพาดไว้ บ่อยครั้งจะลืมหรือพลัดหลุดหล่นไปโดยไม่ได้ทันระวัง ดังนั้นถ้าใครที่ใช้รุ่นนี้ แนะนำถ้าไม่ได้ฟังให้ถอดเก็บลงกระเป๋าให้เป็นที่เป็นทางทันที

แถมอีกนิดคือเรื่องของการดูแลรักษา ด้วยวัสดุที่เป็นยางสังเคราะห์ทั้งตัว ถึงแม้ว่าจะมีเคลือบสารป้องกันมาไว้แล้ว แต่ก็ควรที่จะล้างน้ำทำความสะอาดบ้าง โดยเปิดน้ำจากก็อกน้ำไหลผ่าน ไม่เอาไปจุ่มน้ำนะ จากนั้นเช็ดให้แห้ง และระวังเรื่องการเก็บในอุณหภูมิที่สูงหรือโดนแดด เพราะจะมีผลต่ออายุสภาพการใช้งาน ถ้าดูแลรักษาดีๆ ก็จะใช้งานได้ยาวๆ นานหลายปี

สรุปแล้ว Plantronics BackBeat Fit น่าใช้หรือไม่?

สำหรับราคาค่าตัวเปิดอยู่ที่ 4,690 บาท ถือว่าเป็นหูฟังในราคาที่ไม่ได้ถูกมากนัก แต่ด้วยคุณภาพการใช้งานทั้งด้านเสียง, ประสิทธิภาพ, การออกแบบที่สวยงาม กันน้ำกันเหงื่อ ทำออกมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การออกกำลังกายและเล่นกีฬา แถมยังมีให้ใช้งานแอพ PEAR เพื่อฝึกเทรนนิ่งการออกกำลังกายมาให้ใช้ฟรีอีกด้วย ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายคุณภาพดีอีกตัวที่ใช้แล้วไม่ผิดหวัง

ขอขอบคุณทาง System2000 สำหรับตัว Plantronics BackBeat Fit ที่ให้มาทดลองใช้งาน ซึ่งตัวสินค้าที่ซื้อกับทาง System2000 จะมีสิทธิพิเศษคือ ลงทะเบียนออนไลน์จะได้รับประกันสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 ปี ดูรายละเอียดได้ที่ www.system2000.co.th/warranty