แคมเปญสนับสนุน ฮิลลารี่ คลินตัน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี กลายเป็นแคมเปญที่มีคนลงชื่อมาที่สุดบน Change.org

ช่วงสองสามปีมานี้คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกับชื่อเว็บไซต์ Change.org กันมากขึ้น  โดยเว็บไซต์นี้จะเปิดให้เราสร้างแคมเปญรณรงค์และให้คนทั่วไปเข้าร่วมลงชื่อ  ซึ่งเมื่อมีรายชื่อถึงจำนวนที่กำหนด  ทาง Change.org ก็จะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นเสนอให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป

และหนึ่งในแคมเปญที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมานั่นก็คือแคมเปญการสนับสนุน นางฮิลลารี่ คลินตัน ให้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจนถึงตอนนี้แคมเปญดังกล่าวมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วกว่า 4.7 ล้านคน  และกลายเป็นแคมเปญที่มีผู้ร่วมลงชื่อมากที่สุดตั้งแต่ที่เว็บ Change.org ก่อตั้งขึ้นมา

จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งมในส่วน Electoral Vote ไปที่คะแนน 306 ต่อ 232 คะแนน  หากแต่คะแนน Popular Vote (คะแนนจากคนที่ลงเสียงจริงๆ) นั้น นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ถึง 2.5 ล้านคะแนน

ที่มา – Mashable

Our biggest. petition. ever. 4.6 million ask the electoral college to elect @HillaryClinton as president on Dec 19. https://t.co/ymcMGAZAqb pic.twitter.com/K4eF6TuTT0

— Change.org (@Change) December 2, 2016

ความเห็นของเรา

ระบบการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกานั้นนับได้ว่าเป็นระบบที่แปลกและซับซ้อนครับ  โดยในแค่ละรัฐจะมีคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ที่มีหน้าที่ในการโหวตประธานาธิบดีจริงๆ  ซึ่งในแต่ละรัฐจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งเท่ากับจำนวนเขตการปกครอง  และบวกเพิ่มวุฒิสมาชิกอีก 2 คน  เช่นแคลิฟอเนียมี 53 เขต  ดังนั้นคณะผู้เลือกตั้งในแคลิฟอเนียจึงมี 55 คน (จาก 53 เขต  และวุฒิสมาชิกอีก 2)

เมื่อถึงวันเลือกตั้งทั่วไป (General Election) ประชาชนจะในแต่ละเขตจะลงเสียงเลือกคนที่ตัวเองชอบ  จากนั้นผลการเลือกตั้งนี้จะถูกนำไปให้คณะผู้เลือกตั้ง “ตัดสินใจ” ในการโหวตประธานาธิบดีจริงๆ ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (National Convention) อีกทีหนึ่ง

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา  คณะผู้เลือกตั้งก็จะเอาความเห็นของประชาชนนี้ไปโหวตเลือกประธานาธิบดีกันตามปกติ  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  คณะเลือกตั้ง (ในบางรัฐ) จะสามารถเลือกประธานาธิบดีตามที่ประชาชนโหวตมาหรือไม่ก็ได้

ระบบการเลือกตั้งดังกล่าว  ทำให้มีโอกาสที่จะมีการชนะการเลือกตั้ง Electoral ได้  แม้ว่าคะแนนเสียงจริงๆ จะน้อยกว่า  เช่นผู้สมัคร ก ชนะผู้สมัคร ข ในเขต A ที่ 5000:3000 คะแนน  แต่ในเขต B นั้นแพ้ที่ 1500:2000 คะแนน  ผลออกมาคือผู้สมัครทั้งสองคนได้คะแนนคนละ 1 แต้มเท่ากัน  แม้ว่าเสียงโหวตจริงๆ จะเป็น 6500:5000 ก็ตาม

แคมเปญรณรงค์ดังกล่าวระบุว่าใน 14 รัฐที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง (คิดเป็นทั้งหมด 149 คะแนน) คณะผู้เลือกตั้งสามารถเลือกผู้สมัครคนอื่นได้โดยไม่มีความผิดทางกฎหมาย  และเรียกร้องให้คณะผู้เลือกตั้งทั้ง 149 เสียง  ให้ลงคะแนนเลือก นางฮิลลารี คลินตัน แทนที่จะเลือก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่ประชาชนลงเสียงมา