ล่องหน..นักกีฬาโอลิมปิคเกาหลีเหนือถูกยึดเครื่อง Samsung Galaxy S7 Olympic Edition เหตุจากควบคุมสื่อ

เป็นเรื่องอื้อฉาว..คณะกรรมการโอลิมปิคของเกาหลีเหนือปฎิเสธ
การมอบสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S7 ให้กับนักกีฬาของตนเอง
ในการแข่งขันโอลิมปิคฤดูร้อนที่เมือง ริโอเดอ จาเนโร ประเทศบราซิล

Samsung Electronics นั้นเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ได้เตรียมจัดโทรศัพท์ Samsung Galaxy S7 กว่า 12,500 เครื่อง
เพื่อมอบให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมในการแข่งขันกว่า 11,200 คนจาก 206 ประเทศ

แต่เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการโอลิมปิกของเกาหลีเหนือกลับไม่ได้มอบโทรศัพท์
ให้กับนักกีฬาของประเทศตามที่ควรจะดำเนินการ ในช่วงก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน และก่อนเข้าพักในหมู่บ้านนักกีฬา

ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) จึงได้แถลงข่าวในประเด็นนี้
โดยโฆษก IOC ตั้งคำถามว่าโทรศัพท์ที่มีเจตนามอบให้นักกีฬาเกาหลีเหนือได้หายไปไหน
หลังจากการตรวจสอบกับคณะทำงานของ Samsung ก็พบว่า
ผู้จัดการทีมชาวเกาหลีเหนือได้ไปติดต่อขอรับโทรศัพท์ที่มีให้สำหรับนักกีฬาไปเรียบร้อยแล้ว

โดยสื่ออย่างเป็นทางการ IOC สันนิษฐานว่า ผู้จัดการมารับเอาโทรศัพท์ไป
แต่กังวลว่านักกีฬาเกาหลีเหนือ จะเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจัดแสดงในโทรศัพท์ของ Samsung ซึ่งมาจากเกาหลีใต้

ตัวแทนประชาสัมพันธ์จาก Samsung ที่ทำงานอยู่ที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ก็ยืนยันว่าผู้จัดการทีมชาวเกาหลีเหนือมารับเอาสมาร์ทโฟนไปแล้ว
เขากล่าวว่าตัวแทนจากคณะทำงานที่มากจากประเทศใหญ่
มักจะมาที่สำนักงานแล้วเก็บรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการสนับสนุนให้สำหรับนักกีฬา
แต่นักกีฬาจากทีมขนาดเล็กมักจะเข้ามารับด้วยตนเอง

นักกีฬาทีมชาติของเกาหลีใต้ที่มีการแข่งขันกับนักกีฬาเกาหลีเหนือได้กล่าวว่า
ผู้จัดการเกาหลีเหนือ และโค้ช มักจะยึดของขวัญที่มีการมอบให้กับนักกีฬาของพวกเขาในระหว่างการแข่งขันระดับนานาชาติ
โดยอาจจะมาจากสาเหตุจากการที่รัฐบาลเกาหลีเหนือต้องการควบคุมการติดต่อของประชาชนกับโลกภายนอก

โดยทีผ่านมา Samsung ได้ให้การสนับสนุนสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy ให้กับ
นักกีฬา และสมาชิกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล มาตั้งแต่โอลิมปิกฤดูหนาวในโซซี ประเทศรัสเซีย ปี 2014
และในปีนี้นักกีฬาเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมแข่งขันในกีฬาประเภท ยิงธนู, ดำน้ำ, ยิมนาสติก, ยูโด, ยิงปืน, ปิงปอง, ลู่และลาน, ยกน้ำหนัก และมวยปล้ำ

ความขัดแย้งของทั้งสองประเทศนั้น
เริ่มจากที่เกาหลีเหนือได้ประกาศว่าเกาหลีใต้คือศัตรูของตน นับตั้งแต่สงครามเกาหลีทีเกิดในช่วงปีค.ศ. 1950-3
และทุกวันนี้ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ก็ยังคงอยู่ในภาวะสงครามเชิงเทคนิค
เพราะหลังจากจบการต่อสู้ในสงครามปี 1953 ก็ยังไม่เคยมีข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพของทั้งสองประเทศ

ความเห็นของเรา

ในอดีตนั้นการควบคุมสื่อมักอขู่ในรูปแบบของการรับสารผ่านสื่อสิงพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุและอื่นๆ ที่เป็นสื่อสารมวลชน
แต่ปัจจุบันเการเข้าถึงเนื้อมากมายได้ย้ายลงมาอยู่ที่สมาร์ทโฟนแล้ว สื่อโซโซเชี่ยล
การจำกัดโอกาสในการเข้าถึงจึงพุ่งเป้าไปที่โทรศัพท์โดยปริยาย
ความพยายามสะกัดกั้นของเกาหลีเหนือจะคงอยู่เหนือกระแสาธารของข้อมูลที่หลั่งไหล
และเปิดกว้างแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน เรืองนี้ยังไม่มีใครรู้อนาคต

ที่มา : http://www.rfa.org