ไขข้อสงสัย ทีมงาน Pokemon Go เลือกตำแหน่งร้านค้า ยิม และโปเกมอนอย่างไร?

Pokemon Go ถือได้ว่าเป็นเกมที่เสนอวิธีเล่นใหม่ๆ ให้กับผู้เล่นจำนวนมาก  และตัวเกมสามารถพาผู้เล่นออกไปยังสถานที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี  ซึ่งแกนสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกมสามารถพาผู้เล่นออกไปสถานที่ต่างๆ ได้นั้น  คือการวางตำแหน่งของยิม ร้านค้า และจุดเกิดโปเกม่อน  คำถามคือทีมงานมีวิธีเลือกสถานที่ต่างๆ อย่างไร?

ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 ที่ทีมงาน Niantic Labs (ซึ่งตอนนั้นเป็นสตาร์ทอัพที่อยู่ภายในกูเกิลอีกที) ได้ปล่อยเกม Ingress ออกมาให้คนทั่วไปได้เล่นกัน  โดยตัวเกมจะมีการตั้งพอร์ทัลอยู่ตามสถานที่ต่างๆ โดยผู้เล่นต้องออกไปข้างนอก  เพื่อไปตามหา Portal เหล่านั้น  จากนั้นก็ทำการโจมตีป้อมฝ่ายตรงข้าม  รวมทั้งป้องกันป้อมฝ่ายตัวเอง

สำหรับข้อมูลป้อมพอร์ทัลในขั้นต้นนั้น  ทีมงานจะนำข้อมูลสถานที่สำคัญต่างๆ มาใช้ในการกำหนดจุดป้อมเหล่านี้ (ซึ่งรวมไปถึงงานศิลปะในที่สาธารณะที่ถูกแท็กตำแหน่งเอาไว้ด้วย) และยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นร่วมส่งข้อมูลสถานที่สำคัญต่างๆ เข้ามาไปยังทีมงาน  โดยตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ Ingress นั้นมีข้อมูลสถานที่กว่า 15 ล้านสถานที่ถูกส่งเข้ามา  และทีมงานได้อนุมัติไปกว่า 5 ล้านสถานที่ครับ (ผู้เล่นในไทยได้ส่งศาลพระภูมิเข้าไปเป็นจำนวนมาก … และมันก็ผ่านการอนุมัติจำนวนมาก)

การเลือกสถานที่ตั้งสำหรับยิมและร้าน PokeStops

ข้อมูลสถานที่ใน Ingress ที่ผู้เล่นส่งเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาลนั้นก็ถูกนำมาใช้ในเกม Pokemon Go ด้วยเช่นกัน  โดยป้อม Ingress ที่ได้รับความนิยมสูง  อยู่ในสถานที่ที่น่าดึงดูด  จะถูกตั้งให้เป็นยิม  ส่วนสถานที่ที่ได้รับความนิยมรองลงมา  ก็จะถูกตั้งให้เป็นร้าน PokeStops ครับ

นั่นเป็นเหตุผลว่าสถานที่ในเกม Pokemon Go ในไทย ถึงเต็มไปด้วยศาลพระภูมิ

ทางผู้พัฒนายังกล่าวเพิ่มอีกว่าด้วยว่าสถานที่ต่างๆ ที่ผู้เล่น Ingress ส่งเข้ามานั้นมักจะเป็นสถานที่ที่มีคนผ่านไปมาอยู่แล้ว  ทำให้ในเกม Pokemon Go นั้นมีร้าน PokeStops อยู่เกือบทุกที่เลยทีเดียว

pokemongo2

อ้อ ใน Ingress นั้นมีป้อมพอร์ทัลอยู่ที่บริเวณขั้วโลกเหนือและทวีตแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) ด้วยนะครับ  แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะกลายร่างเป็นสถานที่ใน Pokemon Go ด้วยหรือเปล่า

การเลือกสถานที่เป็นจุดเกิดของโปเกมอน

สำหรับการเลือกตำแหน่งเป็นจุดเกิดของโปเกมอนนั้นจะใช้เซ็ตข้อมูลต่างหากอีกชุดหนึ่งเลยทีเดียว  ซึ่งจะใช้ข้อมูลสภาพแวดล้อมสถานที่ เช่นสภาพดิน พืชท้องถิ่น แหล่งน้ำ ฯลฯ มาเป็นตัวกำหนดจุดเกิดของโปเกมอนตามธาตุของมันด้วย

ยกตัวอย่างเช่นเรามีโอกาสพบโปเกมอนธาตุน้ำในบริเวณที่ใกล้แหล่งน้ำมากกว่าบริเวณที่อยู่ห่างจากแหล่งน้ำนั่นเอง

pokemongo3

สถานที่กับความปลอดภัยของผู้เล่น

ทางผู้พัฒนาตระหนักดีถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้เล่น  โดยสถานที่ต่างๆ ที่ทีมงานอนุมัติเข้ามาตั้งแต่สมัยเกม Ingress นั้นจะเน้นไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย  สามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ  สามารถเดินเข้าไปได้  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีสถานที่แปลกๆ หลุดเข้ามาได้ (เนื่องจากผู้พัฒนาไม่สามารถลงสำรวจพื้นที่เองได้ทั้งหมด – ทีมงานล้ำหน้าโชว์) อย่างเช่นกรณีที่มีข่าวรายงานว่ามีผู้เล่น Ingress ที่หลุดเข้าไปยังสถานที่หวงห้ามต่างๆ

สำหรับใน Pokemon Go ทีมงานพยายามลดปัญหานี้ด้วยการจำกัดพื้นที่การเกิดของโปเกมอนให้อยู่ในบริเวณที่เข้าถึงได้สะดวก  หรือบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกับผู้เล่น

นอกจากนี้ทีมงานยังพยายามเตือนผู้เล่นให้ “อย่าก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างเดียว” อีกด้วย  โดยเมื่อเปิดเกมขึ้นมาก็จะพบกับข้อความเตือนดังกล่าว

Pokemon Go ในอนาคต

สำหรับอนาคตเกม  ทีมงานคิดเอาไว้ว่าผู้เล่นจะรวมกลุ่มกันสร้างทีมและจัดการยิมต่างๆ  รวมทั้งมีแผนเพิ่มฟีเจอร์อีกหลายอย่างเข้ามาในเกม

ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้ที่เราสามารถติดตั้งโมดูลล่อโปเกมอนตาม PokeStops ได้  ซึ่งในอนาคตจะมีการเพิ่มโมดูลอื่นๆ เข้ามาอีก

และระบบที่เป็นแกนสำคัญอีกอย่างมาตั้งแต่สมัยเกมบอย  นั่นคือการเทรดหรือแลกเปลี่ยนโปเกมอน  ทีมงานก็มีแผนจะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ทีมงานยังกล่าวเพิ่มอีกว่ากำลังมองถึงโอกาสการนำระบบแว่น AR (Augmented Reality) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกมด้วยเช่นกัน (เช่นใส่แว่นที่แสดงตำแหน่งโปเกมอนทับบนภาพจริงอีกชั้น  อย่างเช่นในแว่น HoloLens – ทีมงานล้ำหน้าโชว์)

ความเห็นของเรา

ช่วงนี้เรื่อง VR/AR มาแรงจริงๆ ครับ  หลายปีก่อนทาง Niantic Labs ได้กรุยทางให้กับเกมแนว AR (Augmented Reality หรือการแมพสิ่งต่างๆ ในเกมลงในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่จริง) ด้วยเกม Ingress ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก  และได้นำข้อมูลมาพัฒนาออกมาเป็น Pokemon Go นี้เอง

ในอนาคตแล้วคาดว่าคงจะมีอีกหลายเกมที่นำเรื่อง AR มาใช้ในสเกลใหญ่แบบนี้อีกแน่นอนครับ  ซึ่งนอกจากจะเป็นการนำเสนอวิธีการเล่นใหม่ๆ แล้ว  ยังทำลายภาพเดิมๆ ของการเล่นเกมที่ต้องนักขลุกอยู่ในบ้านลงไปอีกด้วย (กล่าวคือเกมเมอร์จะได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้วนั่นเอง)

อย่างไรก็ตามความปลอดภัยยังคงเป็นหัวข้อสำคัญสำหรับเกมที่นำเสนอในลักษณะนี้ครับ (อย่างกรณีล่าสุดที่ผู้เล่นถูกดักปล้น) ซึ่งทางทีมงานยังคงต้องหามาตรฐานเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้เล่นอีกต่อไป

ที่มา – Mashable