ตลาดค้าปลีกมะกันแข่งดุ WalMart จับมือ Uber และ Lyft ในการขนส่งสินค้าท้าชน Amazon

ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Wal-Mart จับมือเป็นพันธมิตรกับธุรกิจรถโดยสารอย่าง Uber และ Lyft
เพื่อทดสอบการขนส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด เพื่อส่งสินค้าอย่างรวดเร็วไปถึงมิอลูกค้า และทำการแข่งขันกับ Amazon
ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Wal-Mart เริ่มการทดสอบการส่งสินค้ารูปแบบนี้มา 2 สัปดาห์ในเมิอง Denver และ Phoenix
โดยเริ่มนำร่องจากการขนส่งของจากคลังสินค้า ให้กับลูกค้าธุรกิจในไมอามี่ตั้งแต่เดือนมีนาคม

การปรับเวลาส่งให้เร็วขึ้น น่าจะเป็นแรงดึงดูดใจสำหรับลูกค้าในเมืองที่การทำงานมีแต่ความยุ่งเหยิง และผู้คนไม่ได้ขับรถยนต์ด้วยตนเอง
การที่ไปจับจ่ายที่ร้านค้าปลีกทำให้เกิดข้อจำกัดในการขนสินค้ากลับบ้าน
อย่าง Amzon ก็มีบริการ Prime Fresh ซึ่งการันตีถึงความสดใหม่ของสินค้าที่ส่งถึงบ้านภายในวันเดียว

Wal-Mart กล่าวว่าจะคิดค่าบริการลูกค้าเพิ่ม $7 ถึง $10 ต่อการครั้งสำหรับการขนส่ง
และมีการแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อสินค้าเริ่มเข้าสู่บริการจัดส่ง

Wal-Mart เตรียมแผนการขยายการรับคำสั่งซื้อแบบออนไลน์ โดยการส่งสินค้าภายใน 2 วัน
ต้องมีการสั่งขั้นต่ำ $49  ต่อการส่งหนึ่งครั้ง
ซึ่งการปรับปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการเดิมพันของห้างนี้เลยทีเดียว

ตลาดค้าปลีกออนไลนในอเมริกามีูลค่ากว่าหนึงหมื่นเก้าร้อยล้านเหรียญ
คาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นไป 9.6 % ต่อปีจนไปถึงปี 2019
และ Wal-Mart มีการลงทุนไปสองหมื่นเจ็ดพันล้านดอลลาห์ใน 2 ปีที่ผ่านมา
ในส่วนของค่าจ้างคนงาน และการฝึกอบรม และปรับปรุงขั้นขั้น
โดยหวังว่าจะปรับปรุงการบริการลูกค้า และช่วยเพิ่มยอดขาย

ความเห็นของเรา

การเขยิบตัวของตลาดค้าปลีกรายใหญ้ของโลก เริ่มมีหันมาเรื่องของการขนส่งที่รวดเร็วฉับไว
เพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ผู้บริโภคที่ใช้คำสั่งซื้ออนไลน์มากขึ้น และเลือกขับรถยนต์เองน้อยลง

เมือมองกลับมาในตลาดประเทศไทย ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของไทยนั้นก็มีความพยายามที่จะใช้เทคโนโลยี
ในการสั่งของและส่งกันมาตั้งแต่ Omni Channel การสั่งของออนไลน์
แล้วมารับแบบ Drivethru บริการส่งของถึงบ้านผ่านไปรษณีย์

เพียงแต่ว่ารูปแบบที่กล่าวมานั้น ยังไม่เติบโดด้วยหลายปัจจัย
และคงต้องพัฒนาคือความเร็วในการจัดส่งที่ดีกว่านี้
แต่อีกมุมหนึ่งก็ส่งสัญญาณถึงร้านค้าปลีกรายย่อยเช่นเดียวกันว่า
นี่ยังคือโอกาสในการแข่งขัน เพราะถ้าปรับตัวช้ากว่านี้
อาจจะไม่มีทางให้หลบหลีกจากการแข่งขันของรายใหญ่

ที่มา : http://www.reuters.com