Huawei P9

Huawei P9 ความสุนทรีย์ของการถ่ายภาพมาตรฐานระดับ Leica

Huawei P9 ถือเป็นอีกสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีการกล่าวถึงมากตั้งแต่เริ่มมีข่าวหลุดจนกระทั่งเปิดตัว ด้วยจุดเด่นของกล้องใช้เป็นแบบเลนส์คู่ที่ทาง Huawei จับมือพัฒนาร่วมกับทาง Leica ผู้ผลิตกล้องรายใหญ่จากเยอรมันนี ทำให้การถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนทำได้ดียิ่งกว่าที่เคยมีมา สำหรับรีวิวนี้นอกจากเรื่องของการใช้งานแล้ว เราจะเน้นพูดถึงเรื่องโหมดต่างๆ ของตัวกล้อง ที่มีให้เลือกใช้ได้มากมาย ช่วยให้คุณถ่ายรูปด้วยมือถือสนุกและสวยยิ่งกว่าเดิม

Overview : Huawei P9

จะว่าไปแล้วเรื่องกล้องเลนส์คู่บนสมาร์ทโฟนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนัก มีหลายๆ รุ่นเคยผลิตออกมาแล้ว หรือแม้แต่ Huawei เองก็เคยใช้ในรุ่น Honor 6 Plus มาแล้ว แต่กับใน P9 นั้นถือเป็นการต่อยอดพัฒนาให้ดีกว่าเดิม โดยที่ตัวกล้องนั้นจะทำงานโดยตัวแรกเป็นกล้องแบบ RGB สำหรับเก็บภาพแบบสี ส่วนกล้องตัวที่ 2 จะเป็นกล้องภาพขาวดำแบบ Monochrome ทำหน้าที่เก็บส่วนรายละเอียดของภาพและมิติความลึกของภาพในการถ่ายภาพระบบจะเอาภาพจาก 2 กล้องมาใช้ประมวลผลรวมกันทำให้ได้ภาพที่มีสีที่สวยสดใส แต่ก็จะมีรายละเอียดของภาพที่คมชัด และยังเอาไว้ใช้ในฟีเจอร์ถ่ายภาพได้หลากหลายรูปแบบ

ตัวกล่องแพ็คเกจของ P9 ออกแบบมาแบบเรียบๆ ใช้วัสดุเป็นกระดาษที่รีไซเคิลได้ง่าย ในกล่องนอกจากตัวเครื่องแล้วจะมีตัวที่ชาร์จ, สายชาร์จแบบ USB Type-C, หูฟัง, คู่มือ และมีเคสใส่ฝาหลังแบบ TPU มาให้ด้วย

huawei-P9-unbox

ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นโลหะทั้งหมด เครื่องที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจะมาด้วยกัน 3 สีคือ ดำกันเมทัล, สีเงิน และสีทอง (เสียดายสีชมพูไม่เข้าไทย) ด้านหน้าเป็นกระจก Gorilla Glass 4 ขอบโค้งมนแบบ 2.5D หน้าจอ IPS มีขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 (423 ppi) ด้านบนของจอจะมีกล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง  f/2.4 พร้อมช่องลำโพงสนทนาที่มีไฟ LED แสดงสถานซ่อนอยู่ด้านใน

huawei-P9-body

ด้านข้าง Huawei P9 มีความหนาแค่ 7 มิลลิเมตร ทางซ้ายของเครื่องจะมีช่องถาดใส่ซิมแบบ Hybrid ที่ให้เลือกใส่ได้ 2 ซิมแบบ nano Sims หรือใส่ microSD ในช่องซิม 2 (รองรับความจุได้สูงสุด 128GB) ส่วนระบบเครือข่ายรองรับทุกค่าย 2G/3G/4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม ส่วนทางขวาของเครื่องจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด และปุ่ม Power ที่ตรงปุ่มจะมีลวดลายให้สัมผัสแตกต่าง

ด้านบนของเครื่องจะมีช่องไมค์สนทนาตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน ด้านล่างจะมีช่องพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องไมค์สนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อข้อมูลและชาร์จไฟแบบ USB Type-C และช่องลำโพง

huawei-P9-side-1

HUAWEI-P9-SIMS-TRAY

huawei-P9-side-2

huawei-P9-top

huawei-P9-buttom

ด้านหลังเครื่องแถบด้านบนจะมีเลนส์กล้องแบบคู่ ตัวแรกจะเป็นแบบ RGB ตัวที่ 2 เป็นแบบขาวดำ Monochrome ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีแฟลช LED แบบ 2 tone และ Laser auto focus ช่วยให้จับโฟกัสภาพได้รวดเร็ว ส่วนตรงกลางของเครื่องจะมีเซนเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือที่ทำงานสแกนได้รวดเร็วและแม่นยำ ตำแหน่งนี้อยู่พอดีกับนิ้วชี้เวลาจับเครื่อง ทำให้ใช้ได้ค่อนข้างสะดวก โดยรวมแล้วตัวเครื่องขนาดกว้าง-ยาว 145 x 70.9 มิลลิเมตรและหนัก 144 กรัม ถือว่ากำลังพอดีสำหรับการใช้งานมือเดียวได้สบายๆ

huawei-P9-back

ประสบการณ์การใช้งาน

สเปคภายในนั้น Huawei P9 ใช้ชิปเซตเป็น Kirin 955 แบบ 64-bit Octa-core (Quad-core 2.5 GHz + Quad-core 1.8 GHz) ตัวชิปประมวลผลกราฟฟิคใช้ Mali-T880 สำหรับ RAM ให้มา 3GB ส่วนหน่วยความจำภายในเครื่องมีมา 32 GB (เพิ่ม microSD ได้) ส่วนแบตเตอรี่ในเครื่องให้มา 3,000 mAh

ระบบปฎิบัติการติดตั้งมากับเครื่องเลยเป็น Android 6.0 Marshmallow ครอบด้วย EMUI 4.1 ที่การจัดวางแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในเครื่องจะโชว์อยู่ที่หน้า Home ทั้งหมด ไม่มี (App Drawer) หน้าตาของ UI จะมี Theme ให้โหลด ส่วนตัวแอบขัดใจตรงที่ทุกธีมจะมีกรอบสี่เหลี่ยมมารองด้านหลังไอคอนแอพที่เป็นแบบใส บางทีดูแล้วแอบขัดตาอยู่บ้างเล็กน้อย และตัว Badge ตัวเลขแจ้งเตือนของ Notification จะมีให้มาแค่บางแอพเท่านั้น พวกที่ใช้บ่อยๆ อย่าง Facebook, LINE, Gmail จะไม่มีแสดงตัวเลขให้

huawei-P9-UI

แถบ Notification Bar จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนการแจ้งเตือนที่จะแสดงผลในลักษณะ Timeline และหน้ารวม shortcut เข้าเมนู Setting ต่างๆ การเรียกแถบนี้ลงมานอกจากจะรูดจากแถบด้านบนแล้ว เราสามารถใช้นิ้วชี้แตะแล้วรูดขึ้นลงตรงเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านล่างได้ ถือว่าค่อนข้างสะดวกในเวลาที่ใช้งานมือเดียว ส่วนแถบเมนูบาร์ด้านล่างมาตรฐานจะมี 3 เมนูคือ Back, Home และ Recent apps ใน Setting เราสามารถเลือกปรับสลับตำแหน่งได้ หรือเลือกเพิ่มปุ่มกดเลื่อน Notification Bar เข้าอีกอันก็ได้

การใช้งานต่างๆ สเปคนี้ถือว่าลื่นไหลดีไม่ติดขัด RAM 3GB ใช้งานยังมีเหลือสำหรับเปิดแอพหรือเล่นเกมได้มากพอควร ไม่มีสะดุดหรือติดขัดอะไร แต่กรณีเล่นเกมที่กราฟฟิคหนักมากๆ บางเกมนี่ก็อาจจะมีกระตุกๆ บ้างเล็กน้อย ส่วนเรื่องการจัดการด้าน RAM ในเครื่องมีแอพ Phone Manager สำหรับดูแลระบบการทำงาน, ลบแคช, ไฟล์, เคลียร์แรม รวมถึงระบบจัดการด้านการใช้พลังงานของเครื่องที่นอกจากในตัว Android 6.0 จะมีการจัดการเรื่องปิดการทำงานแอพที่ไม่ได้ใช้งานนานๆ แล้ว ใน P9 ยังมีโหมดปรับเพื่อประหยัดพลังงานที่เลือกได้ 3 แบบ ที่น่าสนใจคือโหมด ROG power saving ที่จะเปลี่ยนความละเอียดการประมวลผลของหน้าจอจาก Full HD 1080p ลงมาเหลือ HD 720p จากที่ทดลองใช้ก็รู้สึกได้ว่าใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยลงจริงๆ

เรื่องการถ่ายภาพ เราสามารถกดเรียกใช้งานกล้องจากตอนที่ปิดหน้าจอได้โดยกดที่ปุ่มปรับลดระดับเสียง (-) 2 ครั้งติดๆ กัน ก็จะเปิดกล้องขึ้นมาทันที หรือจะเลือกให้กดเสร็จแล้วถ่ายรูปให้เลยก็ได้ เมนูกล้องใน Huwei P9 นี้ต้องบอกว่ามีให้เลือกปรับได้มากมายหลายอย่างตั้งแต่เบสิคไปจนระดับโปร

huawei-P9-camera-mode

9 ฟีเจอร์เด่นของกล้องถ่ายภาพใน Huawei P9

Refocus

ระบบของกล้องแบบเลนส์คู่นั้นทำให้สามารถถ่ายภาพแบบปรับระยะชัดลึกชัดตื้นของภาพได้ ที่ปรับค่าของรูรับแสงได้ตั้งแต่ F/0.95 ไปจนถึง F/16 และถ่ายเสร็จแล้วเอามาปรับเลือกตำแหน่งโฟกัสของภาพภายหลังได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นความสามารถที่เกิดจากซอฟท์แวร์ประมวลผล ดังนั้นมันก็ยังไม่ได้ปรับโฟกัสได้แบบแม่นยำมาก ขึ้นอยู่กับตัววัตถุและสีของวัตถุที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังว่าต่างกันแค่ไหน แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีน่าพอใจ แถมยังมีฟีเจอร์ปรับภาพส่วนที่เบลอด้านหลังเป็นเอฟเฟ็คอย่างให้กลายเป็นสีขาวดำ, ลายภาพเขียน ได้อีกด้วย

Refocus-01

ปรับระยะโฟกัสภาพให้ชัดตื้น ข้างหลังละลายแบบสุดๆ

Refocus-02

เลือกปรับกลับให้มาเป็นภาพชัดลึกที่มองเห็นรายละเอียดครบถ้วนทั้งภาพ

Refocus-03

ปรับใส่เอฟเฟคให้กับภาพในส่วนที่แยกเลเยอร์ด้านหลังได้

Monochrome

เป็นครั้งแรกที่ใช้กล้องบนสมาร์ทโฟนแล้วกล้องมีเซนเซอร์ถ่ายภาพแบบขาวดำได้ ถ้าไม่คิดอะไรก็คงคิดว่ามันจะแตกต่างหรือดีตรงไหน แต่เมื่อลองได้ใช้ถ่ายดูแล้ว ภาพถ่ายด้วยกล้อง Monochrome นั้นเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีมาก ไม่เหมือนกับการถ่ายภาพสีแล้วเอามาใส่ฟิลเตอร์ขาวดำทีหลัง และการถ่ายภาพแบบขาวดำนี้ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของกล้อง Leica ด้วย หลายครั้งที่ถ่ายภาพก็อดไม่ได้ที่จะขอถ่ายอีกช๊อตด้วยโหมดโมโนโครมไว้ด้วย

Monochrome

Pro Mode

ในโหมด Photo และ Monochrome เราสามารถเลือกปรับเป็นโหมด Pro ได้ (เลื่อนแถบสีขาวเหนือปุ่มชัตเตอร์ขึ้นมา) จะเลือกปรับค่าต่างได้ได้เช่น

  • ISO เลือกได้ตั้งแต่ 50-320 และ Auto
  • ความเร็วชัตเตอร์ เลือกได้เร็วสุด 1/4000 ไปจนเปิดชัตเตอร์ค้างเอาไว้ได้นานสุด 30 วินาที
  • ปรับค่าชดเชยแสง + – ได้ถึง 4.0
  • ปรับโฟกัสภาพที่เลือกได้เป็น AF-S, AF-C และ MF ปรับเอง

pro-mode

ความเป็น Leica

การร่วมมือของ Huawei กับ Leica ไม่ได้มีแค่การพัฒนาระบบกล้องสำหรับสมาร์ทโฟนร่วมกันแล้วก็มีโลโก้ Leica แปะที่ด้านหลังเท่านั้น ตัวหน้าเมนูต่างๆ ในโหมดกล้องนั้นก็ใช้ฟอนท์แบบเดียวกับในกล้อง Leica นอกจากนี้ในโหมด Setting ยังเลือก Film Mode นอกจากจะเป็นสีมาตรฐานแล้ว ยังมีให้เลือกตามสไตล์ของกล้อง Leica อย่าง Vivid Color และ Smooth colors ได้อีกด้วย

แถมด้วยการเลือกแปะลายน้ำของ Leica บนรูปภาพที่ถ่ายด้วยกล้องหลังได้ด้วย เพื่อประกาศศักดาเวลาที่เอารูปไปแชร์ว่า “ข้านี้ถ่ายภาพนี้ด้วยกล้องมาตรฐาน Leica บน Huawei P9 เลยนะเฟ้ยยยยย!!!!!”

Setting

Light Painting

จริงๆ การถ่ายภาพแสงไฟนั้นใช้ปรับเอาในโหมดโปรเอาเองก็ได้ แต่ Huawei จัดเป็นโหมดสำเร็จรูปมาไว้ให้เพื่อให้ผู้ใช้ถ่ายได้สะดวก สำหรับโหมดนี้จำเป็นจะต้องใช้ขาตั้งกล้องมาช่วยเพราะต้องตั้งถ่ายภาพไว้นานๆ มีทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกันคือ

  • Tail lights ถ่ายไฟที่เคลื่อนไหวเป็นเส้น ใช้ถ่ายพวกไฟรถที่วิ่งบนท้องถนน จะได้ภาพไฟวิ่งเป็นเส้นสวยงาม
  • Light Graffiti ถ่ายภาพที่ใช้แสงไฟวาดเป็นเส้น หรือเขียนเป็นข้อความในอากาศ
  • Silky water ถ่ายภาพสายน้ำไหล, น้ำพุ, น้ำตก ให้ได้ภาพที่สะเก็ดน้ำเป็นสีขาวฟุ้งสวยงาม
  • Star track การถ่ายภาพท้องฟ้าและดาวในเวลากลางคืน ให้เห็นเป็นแสงเส้นเคลื่อนไหว

Light-painting

Watermark

การใส่ลายน้ำแบบสำเร็จรูป Huawei มีเพิ่มเป็นโหมดเสริมมาให้ เพื่อแปะภาพหรือข้อความเก๋ๆ บนภาพที่ถ่าย ที่มีให้เลือกอย่างเช่น แสดงวันเวลา, สถานที่, สภาวะอากาศ, อารมณ์ ฯลฯ โดยข้อความอย่างเช่นวันที่, เวลา, อากาศ และสถานที่จะดึงข้อมูลปัจจุบันมาใส่ให้แบบอัตโนมัติ

watermark

Video Stabilizer + object tracking

การถ่ายภาพวิดีโอใน Setting จะมีปรับค่าเลือกลดการสั่นไหวของภาพ (Stabilizer) ของภาพได้ และเลือกคำสั่ง object tracking ให้ล็อคโฟกัสที่วัตถุที่ต้องการ เมื่อมีการเคลื่อนไหวโฟกัสก็จะยังคงอยู่ที่วัตถุนั้นตลอด

Perfect Selfie

โหมดการถ่ายเซลฟี่นั้น ถ้าเลือกแบบปกติก็จะมีแค่ให้ปรับผิวเนียนที่เลือกได้ 10 ระดับ แต่ใน Setting จะมีคำสั่ง Perfect Selfie ที่ให้เราเก็บ profile มุมใบหน้าของเราและสั่งปรับหน้าเนียน, ผิวขาว, หน้าเรียว, ตาโต ฯลฯ เอาไว้ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ถ่าย Selfie ระบบก็จะทำการปรับหน้าของเราตาม Profile ที่ตั้งไว้อัตโนมัติ แถมยังใช้โหมด Beauty ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วยนะ

Photo editor

ในตัวเครื่องส่วนของซอฟท์แวร์ปรับแต่งภาพที่ติดตั้งมาให้ใน Gallery ก็ถือว่ามีลูกเล่นให้ใช้งานครบถ้วนไม่ใช่แค่ปรับแต่งสีหรือคร็อปภาพ ยังมีเลือกปรับสีเฉพาะจุด, ใส่โมเสกในภาพ, เขียนเส้น, แปะ label เพิ่มได้ด้วย

Photo-edit

สรุป

รูปลักษณ์การออกแบบของตัวเครื่องทำออกมาได้เรียบสวยดูเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น ส่วนตัวชอบสีกันเมทัลที่ไม่ได้ดำสนิท และแถบเลนส์กล้องด้านหลังเป็นสีดำกลืนกับตัวเลนส์ทำให้ไม่รู้สึกว่าเลนส์กล้องใหญ่มาก และตัวเลนส์กล้องนั้นไม่นูนปูดออกมาจากตัวเครื่องทำให้เครื่องสวยเรียบรอบเครื่องอย่างลงตัว แต่ก็แอบเสียดายที่ Huawei น่าจะทำปุ่มกดชัตเตอร์ภาพแยกออกมาอีกสักปุ่ม เพื่อให้ได้อารมณ์ในการถ่ายภาพมากกว่านี้

ความประทับใจเรื่องของกล้องต้องบอกว่าดีมาก ในแง่ของการถ่ายภาพที่ได้อารมณ์ความรู้สึกและเสน่ห์บางอย่างแตกต่างจากกล้องสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ โทนสีของภาพที่ได้, การถ่ายแล้วปรับละลายหลังภาพได้อย่างสวยงาม แถมเอามาปรับทีหลังเองได้ด้วย รวมถึงการถ่ายภาพขาวดำที่ให้อารมณ์ภาพที่แตกต่างจากที่เคยมีมา เรียกได้ว่าถ้าใครอยากได้สมาร์ทโฟนโดยที่เน้นเรื่องของกล้องเป็นหลัง Huawei P9 ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากอีกรุ่นในขณะนี้

แต่ว่าตัวกล้องนั้นก็ไม่ได้ดีขนาดไร้ที่ติ ยังมีข้อจำกัดเรื่องของการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ด้วยการที่ตัวกล้องหลังรูรับแสงค่อนข้างแคบ (f/2.2) ส่วนกล้องหน้าก็เช่นกัน (f/2.4) ที่ตอนนี้หลายๆ รุ่นของยี่ห้ออื่นปรับกว้างไปกันจนต่ำกว่า 2.0 แล้ว ทำให้เมื่อถ่ายในที่มืดจะมี noise อยู่ในภาพค่อนข้างเยอะพอสมควร อีกเรื่องที่สังเกตได้คือเวลาที่ถ่ายภาพนั้น ตัวเครื่องใช้พลังงานค่อนข้างสูงมาก ถือๆ อยู่นี่รู้สึกถึงความร้อนได้เลย

สำหรับในประเทศไทย Huawei P9 วางขายในราคา 16,990 บาท ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือโปรแกรมการรับประกันระดับ Diamod Service ที่เมื่อนำเครื่องเข้ารับบริการซ่อมที่ศูนย์ หากการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ต้องใช้เวลานานมากกว่า 30 นาที จะทำการเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ให้ทันที

ขอขอบคุณ : Huawei ประเทศไทย สำหรับเครื่องทดสอบในการรีวิว

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องของ Huawei P9

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo

Huawei P9 Photo Huawei P9 Photo

ดูไฟล์ภาพขนาดจริงได้ที่นี่

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน