อนาคตของ PS Vita ดูจะเริ่มมีปัญหาเพราะการเติบโตของเกมบนสมาร์ทโฟน

น่าจะเป็นครั้งแรกของทาง Sony ที่ยอมปริปากตอบคำถามที่นักเล่นเกมทั้งหลายอยากรู้เกี่ยวกับอนาคตของเครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง PS Vita ว่าอนาคตจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป

บนเวทีในงาน EGX ที่เป็นงานเกี่ยวกับกลุ่มผู้พัฒนาเกมเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่าน ได้มีการสัมภาษณ์คุณชูเฮย์ โยชิดะ ประธานของ Sony Computer Entertainment Worldwide Studios ซึ่งในช่วงหนึ่งได้มีการสนทนาและถามตอบเกี่ยวกับแผนงานของทาง Sony ในตลาดของเกมพกพา และมีคำถามหนึ่งที่ดูจะหนักหนาเอามากๆ เมื่อคุณชูเฮย์ถูกถามถึงอนาคตเกี่ยวกับ PS Vita 2

งานนี้คุณชูเฮย์ได้ตอบในทำนองว่า การเติบโตของเกมในสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันนั้นมีผลกระทบต่อแผนการพัฒนาแพลตฟอร์มอยู่ไม่น้อย เพราะว่าทุกคนนั้นมีสมาร์ทโฟน และเกมบนสมาร์ทโฟนนั้นมันก็เล่นได้ง่าย แถมหลายเกมบนสมาร์ทโฟนนั้นยังเล่นฟรีหรือให้เล่นได้ฟรีในระยะเริ่ม

sony-ps-vita

“พวกเราก็ทำงานกันอย่างหนัก ทุ่มเทกับการออกแบบและสร้างมันออกมา ผมเองก็ยอมรับว่าเกมประเภทที่เล่นบนหน้าจอสัมผัสของสมาร์ทโฟนหลายๆ เกมออกมาแบบมาได้ดี แต่การที่เล่นเกมด้วยจอยสติ๊กและปุ่มกดนั้นมันให้อรรถรสที่แตกต่างกันมาก”

“ผมหวังว่ายังมีกลุ่มผู้เล่นที่รักเกมพกพาในแบบดั้งเดิมไม่น้อย และยังจะให้การสนับสนุนเกมต่อไป แต่มันอาจจะติดขัดอยู่บ้างเพราะตลาดของเกมบนสมาร์ทโฟนนั้นขยายใหญ่มากเหลือเกิน”

PS Vita นั้นเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2011 และในยุโรปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เป็นเครื่องเกมพกพารุ่นที่ 2 ของ Sony ที่พัฒนาต่อมาจาก PSP

ความเห็นจากทีมข่าวล้ำหน้า

เป็นความจริงที่ต้องยอมรับและโกหกตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ ว่า เกมบนมือถือสร้างผลกระทบกับตลาดเกมคอนโซลพกพา ที่ไม่ใช่แค่ PS Vita ของ Sony เท่านั้น ยังรวมไปถึง 3DS ของทางฝั่ง Nntendo ที่มีฐานผู้เล่นมากกว่าทางฝั่ง Sony หลายเท่าตัว คนจำนวนมากเลือกที่จะเล่นเกมบนมือถือมากกว่าซื้อเครื่องเล่นเกมพกพา ที่มีเกมทั้งระดับฮาร์ดคอร์, มีการออกแบบที่ซับซ้อนและสนุกกว่าเกมบนมือถือ

ถ้าเรามองย้อนกลับไปในยุคสมัยที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนจอทัชสกรีนอย่างในปัจจุบัน เมื่อ 10 กว่าปีก่อนในยุคที่เรายังใช้มือถือได้เต็มที่ก็แค่โทรเข้าโทรออก, ส่ง SMS มีเกมสนุกที่สุดก็คือ Othello ไม่ก็เกมงู หรือในมือถือที่มีเกมแบบ Java เล่นผ่านหน้าจอกระจิดริดของมือถือ เกมพวกนั้นยังสู้เกมบน Gameboy หรือ Gameboy Advance และ Nintendo DS ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

และยุคของสมาร์ทโฟนจอสัมผัสได้เกิดขึ้นบนโลก ระบบแอพที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีเกมประเภทเล่นฟรีแต่จ่ายเงินเเพิ่มเพื่อแลกซื้อไอเท็มในเกมได้ นั่นล่ะคือจุดเปลี่ยนจริงๆ ที่ทำให้คนเคยมาซื้อเครื่องเล่นเกมพกพาเพื่อเล่นเกมหันไปเล่นเกมในสมาร์ทโฟนแทน

ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่แฟนซีรี่ย์เกมแบบจริงๆ จังๆ เป็นกลุ่มคนที่เล่นเกมพกพาเพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานเป็นหลัก เมื่อมีรูปแบบการเล่นเกมที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายแถมฟรีอีก ตลาดเกมพกพาจึงเริ่มได้รับผลกระทบกับกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่มีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ และทางกลับกันกลุ่มผู้เล่นเดิมก็เริ่มโตขึ้นและเลิกเล่นเกมไปบ้างก็มี

ต้องดูกันต่อไปว่าทั้ง Sony และ Nintendo จะเดินหน้าต่อไปในสถานการณ์ของตลาดโลกเป็นแบบนี้ได้ในรูปแบบไหนกัน?

ที่มา : Eurogamer