29 ส่ิงที่จะทำให้คุณหลงรักเมื่อสัมผัส Samsung Galaxy S6 และ S6 edge (พร้อมราคาและวันวางจำหน่าย)

วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาทาง Samsung ประเทศไทยได้จัดงาน Blogger day ที่เปิดโอกาสให้เหล่าบล็อกเกอร์ได้ทดสอบลองเล่น Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งในงานนี้ทีมข่าวก็ได้ไปร่วมด้วย ก็จะขอมาเล่าประสบการณ์แรกสัมผัสว่าเมื่อได้ลองจับแล้วจะรู้สึกอย่างไร

  • งานประกอบ วัสดุภายนอกทำออกมาหรูหราสวยงามมาก ฉีกภาพเดิมๆ ของ Galaxy S ทิ้งไปแบบไม่เหลือซาก
  • ขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้สร้างเครื่องบินและอากาศยาน ซึ่งเบาแต่แข็งแกร่ง
  • กระจกหน้าหลังเป็น Gorilla Glass 4 ที่แข็งแกร่งขึ้น ตามคุณสมบัติคือ โอกาสที่ตกพื้นระยะ 1 เมตร มีโอกาสที่จะไม่แตกสูงถึง 80% (ซึ่งผมก็ไม่กล้า Droptest เครื่องในงานหรอกนะ)
  • ด้านหลังใต้กระจกมีเป็นชั้นของแผ่นฟิลม์ที่เมื่อสะท้อนกับแสงแล้วจะเปลื่ยนสีเหลือบดูมันวาว อย่างเช่นสีดำจะเป็นเหลือบน้ำเงินกรมท่า สีขาวก็จะเป็นเหลือบมุก สีที่เห็นแล้วคาดว่าคนจะชอบกันคือสีทองและสีเขียวปีกแมลงทับ
เครื่องสีดำ แต่มองดูบางมุมก็จะเป็นสีกรมท่า

เครื่องสีดำ แต่มองดูบางมุมก็จะเป็นสีกรมท่า

  • ปุ่มต่างๆ รอบเครื่องถูกย้ายปรับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ใช้งานสะดวกขึ้น ช่องหูฟังย้ายมาไว้ด้านล่าง ลำโพงที่อยู่ฝาหลังก็ย้ายมาไว้ด้านล่างเหมือนกัน
ทั้งลำโพง และช่องหูฟังย้ายมาอยู่ด้านล่าง ช่องใส่ซิมของ S6 อยู่ด้านข้าง

ทั้งลำโพง และช่องหูฟังย้ายมาอยู่ด้านล่าง ช่องใส่ซิมของ S6 อยู่ด้านข้างส่วน S6 Edge อยู่ด้านบน

  • ด้านบนเครื่องยังมี IR อยู่สำหรับแอพพวกรีโมทคอนโทรล Samsung ยังคงรักษาฟีเจอร์นี้ไว้ ไม่เอาออก
ด้านบนจะเป็น IR อยู่ตรงกลาง ถ้าเป็น S6 Edge ช่องใส่ซิมจะมาอยู่ด้านบน

ด้านบนจะเป็น IR อยู่ตรงกลาง ถ้าเป็น S6 Edge ช่องใส่ซิมจะมาอยู่ด้านบน

  • สำหรับคนที่บอกว่าดีไซน์ของ Galaxy S6 คล้ายกับ iPhone 6 ส่วนตัวแล้วมุมใต้เครื่องนี่ละเหมือนที่สุด แต่มุมอื่นไม่รู้สึกนะ และถ้าเป็น Galaxy S6 edge นี่ไม่รู้สึกเลย
  • ยังมี Heart Rate Sensor เหมือนใน S5 และ Note 4 แต่ย้ายมาไว้ด้านข้างเลนส์แทน ทำให้อยู่ในตำแหน่งนิ้วชี้พอดีไม่ต้องงอนิ้ว

s6-edg-camera

  • Galaxy S6 edge เป็นขอบโค้ง 2 ด้าน ทำให้เครื่องดูสวยงามมาก รวมถึงเวลาถือให้ความรู้สึกว่ามันบางทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหนากว่า Galaxy S6
  • ใช้วัสดุพรีเมี่ยมแต่ว่าน้ำหนักเบามาก
  • หน้าจอขนาด 5.1 นิ้วแต่เป็น UHD พิกเซลละเอียดแน่นเอี้ยด สีชัดตามสไตล์ Super AMOLED ของ Samsung
  • เครื่องขนาดพอดีมือในการใช้งานเพียงมือเดียว Galaxy S6 edge ที่มีขอบโค้งไม่ได้ทำให้ไปเผลอแตะแล้วเปิดเมนูที่ไม่ต้องการ
  • จอขอบโค้งของ Galaxy S6 edge ไม่ได้เน้นลงแอพเพิ่มเหมือนกับใน Note Edge แต่ก็มีประโยชน์มากกว่าแค่สวยงาม มีการเข้าถึง Contact คนสำคัญเพียงแค่ลากนิ้วจากขอบจอออกมา

s6-edge-screen

  • เวลาที่คว่ำเครื่องไว้บนโต๊ะ สายโทรเข้าแต่ละสายจะการแจ้งเตือนเป็นไฟวิ่งที่ขอบโค้ง ตามสีที่เลือกไว้
  • Heart Rate Sensor นอกจากเอาไว้วัดอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว เวลาที่คว่ำเครื่องไว้แล้วไม่สะดวกรับสาย สามารถแตะเพื่อปฎิเสธสายพร้อมส่ง SMS ที่เราตั้งเอาไว้แจ้งปลายสายให้อัตโนมัติ และในเวลาถ่ายภาพก็ใช้เป็นชัตเตอร์ได้ด้วย
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home เปลี่ยนมาเป็นแบบแตะแล้วสแกนแทนแบบลาก ซึ่งแม่นยำกว่าเดิมพอสมควร
  • หน้าตา UI ของ TouchWiz เมื่อเป็น Android 5.0.2 Lollipop ดูสวยงาม เรียบง่าย ไหลลื่น
  • ตัวเครื่อง RAM 3GB เปิดเครื่องมาเหลือ 1GB เพียงพอสำหรับการใช้งาน
  • พื้นที่ความจุเครื่องที่ทดลองเป็น 32GB เปิดมาเหลืออยู่ 24.6GB เหลือที่เอาไว้โหลดแอพ, ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอได้เยอะอยู่

S6-system

  • บูทเครื่องเร็วมาก ใช้เวลาประมาณแค่ 16-17 วินาทีเท่านั้น!
  • สามารถลบแอพที่ Pre-Load มาแล้วไม่ใช้ทิ้งไปได้ ลบได้ถึงขนาดพวก Galaxy Gift, S Health ฯลฯ ได้ (สามารถโหลดมาใหม่ได้ทาง Galaxy App) หรือแม้แต่ PlayStore ก็ลบได้นะ! (คาดว่าลบน่าจะเป็นลบตัวอัพเดต ไม่ได้ลบทิ้งหายไปจากเครื่อง)

s6-uninstall

  • กล้องเป็นสิ่งที่ Galaxy S ชูโรงมาตลอด ใน Galaxy S6 นี้ก็ดีขึ้นเช่นกัน กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้ชัดยิ่งขึ้น
  • กล้องหลังถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K จากที่ลองถ่าย คุณภาพดีที่สุดอยู่ที่ Full HD 60fps
  • ระบบ Real-Time HDR ที่ทำหน้าที่เฉลี่ยแสงสว่างในภาพตั้งแต่ยังไม่ถ่าย ตอนนี้มีทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
จะเห็นว่ากล้องเก็บภาพได้สว่างขึ้นมาก (ขออภัยภาพไม่ชัด ตื่นเต้นกับพริตตี้)

จะเห็นว่ากล้องเก็บภาพได้สว่างขึ้นมาก (ขออภัยภาพไม่ชัด ตื่นเต้นกับพริตตี้)

  • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์สำหรับการถ่ายเซลฟี่แบบครบครัน และภาพที่ได้สวยกว่ารุ่นก่อนๆ มาก

s6-front-camera

  • การเปิดใช้งานกล้องที่เร็วมากๆ ด้วยการกดปุ่ม Home 2 ครั้งติดกัน ก็จะเข้าใช้งานโหมดถ่ายภาพได้ทันที Samsung เคลมว่าใช้เวลาเพียงแค่ 0.7 วินาที ช้ากว่าตำรวจอวกาศเกียบันแปลงร่างนิดเดียว (ฮา) และสามารถเรียกเปิดกล้องได้จากทุกโหมด ไม่ว่าจะดู Youtube, ดูเว็บ หรือว่าล็อคหน้าจอเอาไว้ก็ตาม
  • เมนูกล้องจัดให้เลือกแบบเข้าใจง่าย มีโหมดให้ถ่ายหลากหลายทั้งถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็ว (มี Auto Focus แบบติดตามวัตถุ), ถ่ายภาพ Slow-mo, และยังมีถ่ายแบบ Virtual Shot ที่ให้ถ่ายภาพรอบด้านวัตถุโดยรอบหมุนดูได้เสมือนจริง มีเพิ่ม Pro Mode ให้ปรับค่าได้แบบกล้อง DSLR และยังสามารถโหลดโหมดของกล้องเพิ่มเติมได้อีกด้วย

S6-camera-menu

  • เปลี่ยนแบตไม่ได้ แต่ว่ามาพร้อมกับระบบชาร์จแบบไร้สาย สามารถใช้ได้กับทุกเทคโนโลยีชาร์จไร้สายที่มีอยู่ในปัจจุบัน

s6-wireless-charge

  • อุปกรณ์เสริมของ Samsung มีมาจัดเต็มเคสสารพัดแบบทั้งแบบเป็นแบบหน้าจอใส กดได้ที่ฝา, เคสฝาหลังหรูเริ่ดสวาร็อฟสกี้ ฯลฯ

S6-swa

s6-case

อันนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์หลังจากที่ได้ลองจับคร่าวๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ต้องยอมรับว่างานนี้ Samsung ทำการบ้านกับ Galaxy S6 และ S6 edge มาดีมาก ตัวสินค้าได้รับการแก้ไขปัญหาที่เคยมีไปได้เกือบทั้งหมด รวมถึงตัวสมาร์ทโฟนสวยงามระดับที่ว่าใครจับก็ต้องชอบ จนบางทีก็แอบสงสัยว่าทำไม Samsung ไม่ทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว ก็ถือว่าด้านดีไซน์ Samsung น่าจะเจอจุดที่ดีที่สุดของการออกแบบเจอแล้ว

ส่วนการรีวิวแบบเต็มๆ สามารถชมได้สดๆ ในรายการ “ล้ำหน้าโชว์” วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมนี้ ทางช่องเนชั่นทีวี ดิจิตอลทีวี ช่อง 22 เวลา 15.00 น. ทั้ง 3 พิธีกรจะมาบอกเล่าถึงสมาร์ทโฟนเรือธงทั้ง 2 ตัวนี้ให้ได้ชมกัน

ปิดท้ายด้วยราคาและกำหนดการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ในประเทศไทยกัน โดยที่ทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์ในไทยจะเปิดให้จองผ่านทางหน้าเว็บในวันที่ 1 เมษายนนี้ เริ่มด้วย Dtac เวลา 7.00 น. ตามด้วย True Move H ตอน 8.00 น. และ AIS ตอน 9.00 น.

โดยผู้ที่จองในวันที่ 1 จะได้รับเครื่องในวันที่ 11 เมษายน และกำหนดวันวางจำหน่ายจริงทั่วประเทศคือวันที่ 20 เมษายน มีทั้งหมด 3 สี (ดำ, ขาว, ทอง)

  • Samsung Galaxy S6 รุ่น 32GB ราคา 23,900 บาท
  • Samsung Galaxy S6 edge รุ่น 32GB ราคา 27,900 บาท
  • Samsung Galaxy S6 edge รุ่น 64GB ราคา 30,900 บาท

Screen Shot 2558-03-28 at 12.20.55

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ samsung.com